Thursday, March 19, 2015

อันตรายจากเส้นก๋วยเตี๋ยว


รู้แล้วรีบบอกต่อค่ะ
อันตรายจากเส้นเล็กและเส้นหมี่ ถ้ารับประทานมากๆ มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคตับและโรคไตสูง ผลวิจัยชี้เส้นก๋วยเตี๋ยวมหาภัย เติมสารกันบูดเกินมาตรฐานอื้อโดยเฉพาะเส้นเล็กและเส้นหมี่ เสี่ยงตับไตพังได้ อ่านแล้วน่ากลัวจริง ๆ ค่ะ ความจริงเป็นอย่างไร มาอ่านต่อกันค่ะ....

เผยบะหมี่เหลือง-วุ้นเส้นปลอดภัยกว่า แนะผู้ประกอบการอย่าโลภผลิตขายข้ามจังหวัดจนต้องใส่สารกันบูด จำนวนมาก ก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารที่คนไทยนิยมบริโภค และเส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นวัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหารได้หลายชนิด ทำให้มีการแข่งขันทางการตลาดสูง จากก๋วยเตี๋ยวส่วนใหญ่เป็นเส้นสดที่ค้างหลายวันไม่ได้ ผู้ประกอบการจึงมีการเติมสารกันบูด เพื่อยืดอายุเส้นก๋วยเตี๋ยว ทำให้ยืดระยะเวลาการจำหน่าย ซึ่งสารกันบูดที่นิยมใช้คือ กรดเบนโซอิกและกรดซอร์บิก (เป็นสารเคมีที่ใช้กันบูดทั่วไป)

ถ้าร่างกายได้รับปริมาณสูงเป็นเวลานานจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของตับและไตลดลง ดังนั้น คณะกรรมการกำหนดมาตรฐานอาหารสากล (Codex) ได้กำหนดให้ใช้กรดเบนโซอิกในเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ไม่เกิน 1,000มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (มีผลสำรวจว่า คนเป็นโรคไตเรื้อรัง นิยมทานก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ด้วยค่ะ.. แต่ไม่ยอมให้เผยแพร่บทความนี้)

ผลการตรวจวิเคราะห์พบปริมาณกรดเบนโซอิกตั้งแต่ 1,079-17,250มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณที่กำหนดกรดเบนโซอิกในเส้นก๋วยเตี๋ยวตามมาตรฐานสากล
โดย
ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก 17,250 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม 
เส้นหมี่ 7,825 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม 
ก๋วยจั๊บเส้นใหญ่ 7,358 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม 
ก๋วยจั๊บเส้นเล็ก 6,305มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม 
บะหมี่โซบะ 4,593 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม 
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 4,230 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์กล่าวว่า จากผลวิจัยดังกล่าวทำให้ความเชื่อเดิม ที่คิดว่าเส้นหมี่ ซึ่งมีลักษณะแห้งจะมีวัตถุกันเสียน้อย แต่จะพบมากในเส้นใหญ่ที่มีความชื้นสูงนั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่า กลับมีการใส่วัตถุกันเสียเยอะมากเป็นอันดับ 2 รองจากเส้นเล็ก ดังนั้น ผู้ที่ชื่นชอบทานก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่และเส้นเล็ก ไม่ควรทานอย่างต่อเนื่องเพราะอาจทำให้เกิดการสะสมสารพิษได้ค่ะ

***ส่วนเส้นที่ไม่พบสารเลยคือ เส้นบะหมี่เหลืองเพราะผลิตจากแป้งสาลี ส่วนเส้นอื่นๆ จะผลิตจากแป้งข้าวเจ้า* ที่มีความชื้นสูง ทำให้ราขึ้นง่าย จึงมีการใส่วัตถุกันเสีย ขณะที่วุ้นเส้นไม่มีปัญหาเช่นกัน

รู้แล้วบอกต่อๆ กันนะคะ
ขอสุขภาพดีจงมีแด่ผู้อ่านบล็อกนี้ทุกท่านค่ะ

No comments:

Post a Comment