Thursday, February 28, 2019

หายใจ..สู้มะเร็ง


บทความของ หมออารีย์ วชิรมโน ซึ่งท่านเป็นหมอผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ จบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและที่มหาวิทยาลัยมอสโกด้วยและสอนนักศึกษาปริญญาเอกที่ฮาร์วาร์ดมาเป็นเวลา ๓๐ ปี

ท่านป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายครับ ตอนนั้นเมื่อปี 2551 ท่านมีอายุได้ 81 ปี     และคุณหมอเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในชนบท และตั้งใจสู้ชีวิตครั้งใหม่ โดยต่อสู้กับมะเร็งด้วยการไม่ผ่าตัด ไม่ฉายรังสี ไม่ยอมให้คีโม แต่ใช้แนวทางแบบธรรมชาติบำบัด โดยการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ให้กลับไปสู่ธรรมชาติให้มากที่สุด..หายด้วย ..เอาล่ะซิ

ตอนอื่นก็มาทางเดียวกับผมนั่นแหละครับเพราะธรรมชาติบำบัดก็เหมือน ๆ กันหมด คือกลับไปที่ “สมดุล” แต่ตอนที่ผมประทับใจคือ !!  การล้างกรองอากาศของท่าน ในที่นี้ ก็คือการหายใจเพื่อขับพิษในปอด ท่านกล่าวไว้อย่างนี้ครับ .....

“การแก้เลือดเป็นกรด แก้ได้สองอย่าง กินพืชผักผลไม้ให้มาก ๆ เพื่อเพิ่มโปแตสเซียม อีกอย่างคือหายใจเอาออกซิเจนเข้ามามาก ๆ เพราะยิ่งออกซิเจนเข้าไปในเลือดมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เลือดเราเป็นด่าง แต่ถ้าเราไม่ฝึกหายใจเอาออกซิเจนเข้าไป เลือดเราเป็นกรด เพราะเลือดเราจะมีคาร์บอนไดออกไซด์สูงมาก พวกนี้จะปวดเมื่อยร่างกายมาก เขาจึงให้ฝึกหายใจเพื่อเอาคาร์บอนไดออกไซด์ออกไป แล้วเอาออกซิเจนเข้ามา มันถึงจะหายปวดเมื่อย

ท่านทำอย่างไรรึ!!!! ตามมา......

เงยหน้าเพื่อให้อากาศเข้ามากที่สุด เวลาหายใจเข้าพยายามให้เข้าทางรูจมูกเท่านั้น เพราะมันจะมีเครื่องกรองคือขนจมูก และจะมีเยื่อเมือก ๆ กรองด้วย  การหายใจเข้าให้ปอดพองมากที่สุดสามครั้งติด ๆ กันเลย  ครั้งแรก กลั้นไว้  ครั้งที่ ๒ กลั้นไว้ ครั้งที่ ๓ กลั้นไว้ เหมือนใจจะขาด  พอครบสามครั้ง ค่อย ๆ โน้มตัวลง อ้าปากเอาพิษออกให้หมด  ยิ่งทำบ่อยเท่าไหร่ ปอดท่านยิ่งมีพลัง มะเร็งปอดจะไม่เป็น เพราะออกซิเจนเข้าไปเต็มที่  ของเสียออกมาเต็มที่  ปอดมีความจุสองข้างประมาณ ๓ ลิตรครึ่งถึง ๔ ลิตรครึ่ง  แต่ถ้าเรายังหายใจแบบธรรมดาอยู่ อากาศเข้าออกเพียงครึ่งลิตรเท่านั้น บางทีของเสียไม่ได้ออกเลย เหมือนหม้อกรองอากาศไม่เคยเป่าหม้อกรองตัวเองเลย  ปอดของเราคือหม้อกรองอากาศ เราต้องช่วยตรงนี้มาก ๆ เราเปลี่ยนปอดไม่ได้ แต่เราต้องบริหารการหายใจ จะทำให้ปอดมีประสิทธิภาพที่สุด

แล้วพวกนักกีฬาที่ออกกำลังกายโดยการเตะฟุตบอล หรือพวกหักโหมจนเกิดความเครียดล่ะ..ท่านกล่าวไว้ว่า

นั่นไม่ใช่การออกกำลังกายที่ให้ประโยชน์ แต่เป็นการออกกำลังกายที่เกิดโทษแก่ร่างกาย เป็น unaerobic 

เราต้องรู้ว่าการออกกำลังกายแบบ aerobic กับ unaerobic เป็นยังไง 

การออกกำลังกายแบบ aerobic ร่างกายต้องเกิดด่างและได้ออกซิเจน  แต่ unaerobic ได้คาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้ร่างกายเกิดกรด ร่างกายก็เสื่อม 

คนที่ไปเต้นแอโรบิกทุกวันนี้ยังทำผิด เต้น ๆ แล้วเกร็ง เครียด กลัวจะไม่ถูกจังหวะ ชื่อแอโรบิก แต่ไม่ใช่แอโรบิก  แอโรบิกทำแบบไหนก็ได้ ไม่ต้องเครียด ให้สนุกสนาน  ถ้าเครียด ร่างกายจะเกิดกรด 

ฉะนั้นการแข่งกีฬาทุกวันนี้เป็นการทำลายสุขภาพ ทั้งสุขภาพกายและจิต คนไม่เล่นก็สุขภาพจิตเสีย เพราะต้องลุ้นแข่งขันกัน เครียดมั้ย ฉะนั้นนักกีฬาที่เล่นทุกวันนี้ นักฟุตบอล นักเล่นกล้าม นักวิ่ง มีใครอายุยืน... ไม่มีเลย เพราะร่างกายมันเสื่อม 

มีการพิสูจน์แล้วว่าการออกกำลังกายที่ดีที่สุดคือการเดินเร็ว และให้ถูกแสงแดด  เพราะมันไม่เครียด ไม่เหนื่อย ไม่เกร็ง และเป็นการออกกำลังกายชนิดเดียวเท่านั้นที่ทำให้ระบบประสาทส่วนกลางได้สมดุล”