การบุกตลาดของชานมไข่มุกในเมืองไทยมีมาหลายปีแล้ว สูตรต่างๆ รูปแบบแก้วและแบรนด์ที่ขายดีเปลี่ยนไปบ้างในแต่ละปี แต่ส่วนประกอบหลักคือ ชา ครีมเทียม น้ำตาล และไข่มุก ไม่เปลี่ยนแปลง การที่ชานมไข่มุกฮ็อทฮิตมากนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของรสชาติ แต่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์อธิบายได้ด้วย เพราะชานมไข่มุกเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและไขมันสูง ซึ่งสมองของคนเรานั้น หากถูกอาหารใดกระตุ้นด้วยความหวาน ความมัน หรือ ความเค็ม สมองจะชอบใจในอาหารนั้นๆ และเข้าใจไปว่าอาหารนั้นอร่อย อยากจะหามารับประทานบ่อยๆ ยิ่งถ้ามีคาเฟอีนจากชาผสมอยู่ด้วย ก็จะยิ่งทำให้สมองติดใจได้ง่ายขึ้นไปอีก
นอกจากความหวาน ความมัน และคาเฟอีนในชานมไข่มุกที่เล่นกลหลอกให้สมองเราติดใจแล้ว การนำเสนอที่ชวนให้เราคิดว่า ชานมไข่มุกเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ก็ยิ่งเป็นการสับขาหลอกให้คนที่อยากลดน้ำหนักเลือกรับประทาน หลายคนเลือกที่จะดื่มชานมไข่มุกแทนอาหาร เพราะคิดว่าจะช่วยลดน้ำหนัก แต่แท้จริงแล้ว รับประทานเกาเหลาไปทั้งชามยังอ้วนน้อยกว่าเสียอีก!
แคลอรี่ในชานมไข่มุกแต่ละแก้วนั้นต่างกันไป หลากหลายตั้งแต่ 200 ไปจนถึง 400 กิโลแคลอรี่ ที่เด็ดคือปริมาณน้ำตาลซึ่งหนักข้อตั้งแต่ 8 ไปจนถึง 11 ช้อนชาต่อแก้ว (โดยทั่วไป ในหนึ่งวัน เราไม่ควรบริโภคน้ำตาลเกินกว่า 6 ช้อนชาในผู้หญิง และ 9 ช้อนชาในผู้ชาย) ปริมาณไขมันอิ่มตัวจากนมที่ใส่ร่วมไปก็ไม่น้อย หลายสูตรใส่เป็นครีมเทียมซึ่งมีไขมันทรานส์ ไขมันทรานส์เป็นไขมันที่อันตรายต่อสุขภาพยิ่งกว่าไขมันใดๆ เพราะนอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจแล้ว ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งอีกด้วย
สำหรับตัวไข่มุกนั้น จริงๆควรเรียกว่า แป้งเม็ด มากกว่า เพราะทำจากมันสำปะหลังต้มกับน้ำตาล แคลอรี่ต่างกันไปตามแต่ละสูตรตั้งแต่ 2 - 4 กิโลแคลอรี่ต่อเม็ด ไม่มีคุณค่าสารอาหารเช่น วิตามิน แร่ธาตุ หรือสารต้านอนุมูลอิสระใดๆ
สรุปแล้วเมื่อคุณเสียเงินไปหลาย 10 บาทเพื่อซื้อชานมไข่มุกหนึ่งแก้วนั้น สิ่งที่ได้รับคือ พลังงานที่เกือบจะเทียบเท่าข้าวหนึ่งจาน น้ำตาลที่เกินเกณฑ์กำหนดต่อหนึ่งวัน ไขมันอิ่มตัว ไขมันทรานส์ คาร์โบไฮเดรต และคาเฟอีน ทั้งหมดเป็นสูตรสำเร็จซึ่งก่อให้เกิดผลลัพธ์ 3 ประการคือ อ้วน แก่ และเสพติด!!
ที่มา : เครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย โดย พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (หมอผิง)
No comments:
Post a Comment