Wednesday, March 10, 2010

โรคภูมิแพ้ที่ตา

โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดจากร่างกายมีความไวผิดปกติต่อสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งเรียกว่า สารก่อภูมิแพ้  ในคนปกติจะไม่เกิดอาการ แต่คนที่เป็นโรคภูมิแพ้ หากได้รับสารก่อภูมิแพ้ก็จะเกิดอาการแพ้ขึ้น  สารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้มีมากมายหลายชนิด เช่น เกสรดอกไม้ เครื่องสำอาง ขนของสัตว์เลี้ยง วัชพืช น้ำหอม ตัวไรฝุ่นที่นอน เชื้อราในที่อับชื้น เป็นต้น

โรคภูมิแพ้ซึ่งเกิดที่ตาชั้นนอก เป็นโรคตาที่พบบ่อยที่สุดโรคหนึ่ง โดยพบได้ประมาณ 10-20% ของคนปกติทั่วไป  ในปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ๆ หรือเขตชุมชนที่มีคนอยู่อาศัยหนาแน่น ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักคิดว่าโรคภูมิแพ้ที่ตาเป็นโรคที่ไม่อันตราย เพียงแค่ก่อให้เกิดความรำคาญ แต่ในรายที่เป็นเรื้อรังหรือเกิดภาวะแทรกซ้อน อาจทำให้เกิดความพิการของตาได้

ผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง หลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ ควบคู่ไปกับการควบคุมสิ่งแวดล้อมให้ดี รวมถึงได้รับการติดตามผลการรักษาเป็นระยะๆ แล้วจะสามารถลดอัตราการเกิดการแพ้และการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้

สาเหตุของโรคภูมิแพ้ที่ตา
1. พันธุกรรม 
ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ จะมีโอกาสเกิดเป็นโรคภูมิแพ้ได้มากกว่าคนปกติ
2. สารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้โดยตรง
ได้แก่ เครื่องสำอาง น้ำหอม เกสรดอกไม้ ขนของสัตว์เลี้ยง ตัวไรฝุ่นในที่นอน เป็นต้น
3. ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคโดยตรง
แต่เป็นปัจจัยเสริมให้อาการของโรครุนแรงขึ้น ได้แก่ ควันบุหรี ฝุ่นละอองในอากาศที่มีมากเกินไป ควันจากท่อไอเสียหรือโรงงานอุตสาหกรรม ภาวะติดเชื้อที่ตา เป็นต้น

ประเภทของโรคภูมิแพ้ที่ตา
แบ่งตามกลุ่มอาการแพ้ที่แสดงอาการที่ตาชั้นนอก ได้แก่
1. เยื่อบุตาขาวอักเสบจากการแพ้ชนิดไม่รุนแรง (Allergic Conjunctivitis) 
เป็นโรคที่พบได้บ่อย เป็นสาเหตุอันดับแรกๆ ของอาการคันตาและตาแดง อาจพบร่วมกับโรคภูมิแพ้อื่นๆ เช่น โรคลมพิษ โรคหวัดแพ้อากาศ การแพ้อาหาร เป็นต้น  ผู้ป่วยจะมีอาการตาแดง คันตา น้ำตาไหล แสบตา เคืองตา ตาบวมแดง มักเกิดกับตาสองข้างพร้อมๆ กัน  ในรายที่เป็นมาก มีอาการตาสู้แสงไม่ได้
2. โรคภูมิแพ้ที่เกิดจากการใช้คอนแทคเลนส์ (Giant Papillary Conjunctivitis)
เป็นอาการแพ้ที่เกิดการใช้คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน โดยเฉพาะผู้ที่ทำความสะอาดคอนแทคเลนส์ไม่ถูกต้องตามขั้นตอน  โดยพบได้มากถึง 40% ของผู้ใช้คอนแทคเลนส์มานานกว่า 5 ปี  ผู้ป่วยจะรู้สึกไม่สบายตาเมื่อสวมใส่คอนแทคเลนส์ พบตุ่มนูนแดงเป็นเม็ดเล็กๆ จำนวนมากที่เยื่อบุตาด้านบน มีอาการแสบตาและระคายตาอยู่ตลอดเวลา
3. อะโทปิค เคอระโทค็อนจังคทิไวทิส (Atopic Keratoconjunctivitis)
เป็นลักษณะอาการภูมิแพ้ที่แสดงออกทางหนังตา เยื่อบุตาขาว และกระจกตา  ผู้ป่วยมักมีอาการเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ  เพศชายเป็นมากกว่าเพศหญิง และมักพบประวัติภูมิแพ้ในครอบครัวด้วย  ผู้ป่วยจะมีอาการตาแดง แสบตา คันตามาก เยื่อบุตาขาวบวม เปลือกตาหนา บางครั้งพบการติดเชื้อแบคทีเรียด้วย
4. เวอนัล เคอระโทค็อนจังคทิไวทิส (Vernal Keratoconjunctivitis)
สาเหตุการเกิดโรคยังไม่ทราบแน่ชัด มักเกิดในช่วงอายุ 11-20 ปี และมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้อย่างอื่นร่วมด้วย  ผู้ป่วยจะมีอาการคันตา และแสบตามาก ตาสู้แสงไม่ได้ น้ำตาเหนียวข้น เยื่อบุหนังตาอักเสบนูนแดงเป็นรูปหกเหลี่ยมเรียงกันคล้ายกระเบื้อง อาจพบกระจกตาเป็นแผ่นฝ้าขาวซึ่งทำให้สายตามัวลง

การรักษาการเกิดภูมิแพ้ที่ตา
1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ หรือสารกระตุ้นที่ทำให้มีอาการแพ้มากขึ้น
2. บรรเทาอาการแพ้ด้วยการใช้ความเย็น เมื่อเกิดอาการแพ้ ตาบวม คันตา ควรใช้น้ำสะอาด น้ำตาเทียม หรือน้ำเกลือล้างตา เพื่อล้างเอาสารที่ก่อให้เกิดการแพ้ออก และประคบด้วยความเย็น จะช่วยบรรเทาอาการแพ้และอาการระคายเคืองตาให้ดีขึ้น
3. การรักษาโดยการใช้ยา ควรอยู่ภายใต้การดูแลและแนะนำจากแพทย์ทุกครั้งเพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องตรงกับอาการของโรค และมีความปลอดภัยในการใช้ยา
  • 3.1 ใช้ยาแก้แพ้ชนิดรับประทาน ควรใช้ในกรณีที่มีอาการแพ้มาก หรือเสริมประสิทธิภาพการรักษากับยาหยอดตาแก้แพ้
  • 3.2 การใช้ยาหยอดตาในการรักษาโรคภูมิแพ้ที่ตา ให้ผลในการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นยาใช้เฉพาะที่ทำให้มีผลข้างเคียงจากการใช้ยาน้อยกว่ายาชนิดรับประทาน
ยาหยอดตาในการรักษาโรคภูมิแพ้ที่ตามีอยู่หลายชนิด ได้แก่ ยาหยอดตาต้านฮีสตามีน ผสมยาหดเส้นเลือด ช่วยลดอาการคันที่เกิดจากสารฮีสตามีน

ยาหยอดตากลุ่มคอร์ติโคสเตอร์รอยด์ ให้ผลในการรักษาได้ดี แต่มีข้อควรระวังในการใช้เป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัส เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหิน ต้อกระจก เป็นต้น

ยารักษาโรคภูมิแพ้ที่ตาที่มีฤทธิ์ต้านฮีสตามีน และทำให้เยื่อบุผิวของแมสเซลล์ (mast cell) เกิดความคงตัวในยาตัวเดียว ยับยั้งการปล่อยสารที่ก่อให้เกิดการแพ้จากแมสเซลล์ ให้ผลในการรักษาอาการและอาการแสดงของตาจากการแพ้

การเลือกการรักษาโรคภูมิแพ้ที่ตาด้วยวิธีใด หรือตัวยาชนิดใดนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค ควรอยู่ภายใต้การดูแลของจักษุแพทย์

1 comment:

  1. #แนะนำสมุนไพรไทย# ช่วยยับยั้งและทำลายเชื้อไวรัส HIV SLE มะเร็ง เบาหวาน หูดหงอนไก่ ริดสีดวง ซิฟิลิส สะเก็ดเงิน งูสวัด ไวรัสตับอักเสบ B หนองใน อัมพฤกษ์ ภูมิแพ้ ไทรอย กระดูกทับเส้นประสาท ไต สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 0910272191 line yizshok

    ReplyDelete