เช็คด่วน! 25 สัญญาณเตือน ว่าร่างกายคุณ กำลังมีสารพิษมากเกิน หรือมีอาการผิดปกติของร่างกายจากโรคก่อนที่จะสายไป
ร่างกายเราจะได้รับสารพิษอยู่ทุกวัน จากอากาศและอาหารที่เรากินเข้าไป
และถ้าเราสะสมไว้จนถึงจุดที่สมควรจะต้องดีท็อกซ์แล้วร่างกายจะส่งสัญญาณเตือนให้เรารู้
หรือร่างกายอาจส่งสัญญานผิดปกติต่างๆให้รู้ด้วยอาการต่อไปนี้
เพราะเรื่องของสุขภาพ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจใส่ดูแล ไม่ว่าจะเกิดอะไรเล็กๆน้อยๆขึ้นกับร่างกาย โปรดอย่าละเลย คิดว่าแค่นี้ไม่เป็นไร เพราะบางทีเรื่องแค่นี้อาจนำไปสู่เรื่องที่ใหญ่กว่านี้ก็เป็นได้ 25 สัญญาณร้ายต่อไปนี้ อาจเป็นตัวช่วยให้คุณสังเกตโรคภัยที่กำลังมาเยือน และไปปรึกษาแพทย์แต่เนิ่นๆ เพราะหลายโรค เช่น มะเร็ง สามารถรักษาให้หายขาดได้ หากตรวจพบในระยะแรกๆ
1. นอนไม่ค่อยหลับ หากเกิดขึ้นเป็นเวลานานร่วมกับอาการกระสับกระส่าย หัวใจเต้นแรง หรือไปปัสสาวะตอนกลางคืนบ่อยๆ อาจเป็นอาการเริ่มต้นของไทรอยด์ผิดปกติ เบาหวาน ฯลฯ
2. ปวดหัวบ่อยๆ ควรสังเกตตัวเองว่ามีอาการข้างเคียงอื่นๆ หรือไม่ เช่นหน้ามืดตาลาย อาเจียน อาการปวดศีรษะอาจเป็นสัญญาณเตือนโรคร้ายที่อันตรายถึงชีวิตได้หลายโรค
3. มีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง อาจเป็นโรคตับอักเสบหรือดีซ่าน
4. ท้องเสียบ่อย หรือท้องผูกบ่อย ระบบขับถ่ายแปรปรวน อาจป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับลำไส้หรือโรคไต หากเกิดอาการท้องผูกเรื้อรัง (นานกว่า 3 สัปดาห์) อาจสร้างความเสี่ยงโรคริดสีดวงทวารหนัก โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคมะเร็ง โรคหัวใจ หรืออาการไตวายได้เช่นเดียวกัน
5. เบื่ออาหาร อาจเป็นสัญญาณของโรคตับ วัณโรค หรือกำลังจะนำไปสู่การเจ็บป่วย เพราะร่างกายอ่อนแอและไม่มีภูมิต้านทาน
6. มีก้อนเกิดขึ้นตามร่างกาย โดยเฉพาะก้อนที่เต้านมหรือก้อนที่ข้างคอ อาจเป็นเนื้องอกชนิดธรรมดา หรือมะเร็งก็ได้
7. ปัสสาวะผิดปกติ ถ้ามีอาการปัสสาวะถี่ผิดปกติ หรือมีมดขึ้น ร่วมกับอาการหิวบ่อย คันตามตัว แผลหายยาก มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน แต่ถ้าปัสสาวะขัดๆ หรือเป็นเลือด อาจเป็นเพราะไตหรือกระเพาะปัสสาวะกำลังมีปัญหา
8. ปัสสาวะเป็นสีเหลืองจัด เป็นไปได้ว่าดื่มน้ำน้อยเกินไป หรืออาจเป็นสัญญาณบอกอาการของโรคดีซ่าน แต่ถ้าสีเหลืองจัดเข้มข้นจนเป็นสีกาแฟ แสดงว่ากินยาบางอย่างมากเกินไป หรืออาจจะเป็นวัณโรค
9. ระคายคอ เจ็บคอหรือไอบ่อยๆ อาจมีปัญหาที่ระบบหายใจ อาจเป็นภูมิแพ้ หรือกำลังเป็นหวัด
10. อาการอ่อนเพลียง่าย ไม่มีกำลังวังชา มือไม้สั่น มีอารมณ์แปรปรวนง่าย อาจเป็นไปได้ว่าต่อมไทรอยด์ผิดปกติ
11.ใต้ตาดำคล้ำ อาจเกิดจากนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือเกิดจากไตกรองของเสียทำงานบกพร่อง
12. เมื่อยตึงที่น่องและข้อพับขา หากไม่ได้เกิดจากการยืนนานๆ หรือเดินมากๆ เป็นไปได้ว่า โรคข้อเข่าเสื่อมมาเยือน
13. มีเลือดออกผิดปกติจากที่ต่างๆ เช่น มีจ้ำเลือดตามผิวหนัง อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดจากประจำเดือนที่เคยเป็น มีเลือดกำเดาไหล ไอเป็นเลือด เป็นต้น อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคมะเร็งในเม็ดเลือดหรือลูคีเมีย ซึ่งมักเกิดกับอาการเหนื่อยง่าย เลือดออกทางผิวหนังง่าย โดยไม่ทราบสาเหตุ
14. ตามืดมัวลงทันที หรือตาเห็นภาพซ้อน อาจเป็นโรคเกี่ยวกับตาหรือสมอง
15. เล็บเปราะบางและผิดปกติ ถ้ามีเล็บสีขาวเกินกว่าครึ่งอาจมีอาการผิดปกติของตับและไต หรือเล็บที่ยกตัวออกมาจนไม่ติดกับผิวหนังใต้เล็บ อาจบ่งบอกว่า กำลังป่วยเป็นโรคปอด
16. ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ไอ เสียงแหบ กลืนลำบาก เจ็บคอ หูอื้อ เจ็บหน้าอก ท้องอืดเฟ้อ คลื่นไส้อาเจียน ตกขาว ฯลฯ เป็นเรื้อรังนานผิดสังเกต โดยไม่ทราบสาเหตุแจ้งชัด
17. มีก้อนไขมันสีขาวหรือเหลืองตรงเปลือกตาแต่ไม่เจ็บ แสดงว่าภายในร่างกายมีไขมันในเลือดสูงมาก จนตับไม่สามารถกำจัดได้หมด ไขมันส่วนเกินจึงปรากฎให้เห็น บางรายอาจมีจุดสีเหลืองเล็กๆ กระจายข้างในเปลือกตาด้วย หากปล่อยทิ้งไว้มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคไขมันเกาะตับ หรือภาวะที่มีไตรกลีเซอไรด์สะสมภายในเซลล์ตับ หากมีอาการอักเสบร่วมด้วยอาจนำไปสู่โรคตับแข็ง นอกจากนี้ยังต้องระวังโรคเบาหวานด้วย
18. ขี้ตาแฉะหลังตื่นนอนตอนเช้า สันนิษฐานว่ากำลังร้อนใน ความจริงแล้วอาการร้อนในมีอยู่หลายลักษณะ เช่น ปากเป็นแผล ท้องผูก ถ่ายลำบาก และครั่นเนื้อครั่นตัว แต่ถ้ามีขี้ตาแฉะมาก แสดงว่าตับกำลังร้อนเกินไป ตามปกติแล้วความร้อนในร่างกายเกิดจากการเผาผลาญอาหารที่กล้ามเนื้อและตับ ดังนั้นเลือดซึ่งอยู่ในตับจึงร้อนกว่าอวัยวะอื่นๆ
19. ปัสสาวะเป็นฟองมากกว่าปกติ เวลาปัสสาวะปกติจะมีฟองสีขาวเกิดขึ้นสักพักแล้วหายไป แต่ถ้าฟองมีปริมาณมาก ไม่ยุบตัว และมีอาการปัสสาวะแบบนี้ติดต่อกันหลายวัน แสดงว่าไตเริ่มมีปัญหา หากปัสสาวะมีสีแดง สีชาหรือสีคล้ายน้ำล้างเนื้อร่วมด้วย ยิ่งเป็นการยืนยันว่ามีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นไตอักเสบ มีนิ่วในไต ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ หรือมีเนื้องอกในทางเดินปัสสาวะ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาอาจทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรัง
20. ปวดหลัง อาการปวดหลังจากการนั่งทำงานนานๆ แตกต่างจากอาการปวดในกลุ่มเสี่ยงที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคไต คือรู้สึกปวดที่เอวหรือชายโครงด้านหลัง มักปวดร้าวไปที่ท้องน้อย ขาอ่อน หัวเหน่า อวัยวะเพศ และอาจมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ไร้เรี่ยวแรง เวียนศีรษะ หน้ามืดตาลาย และเบื่ออาหาร ซึ่งการปวดในบริเวณดังกล่าว อาจเกิดจากการอักเสบที่กรวยไต
21. น้ำหนักเพิ่ม หรือลดผิดปกติ การมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ให้พิจารณาว่ามาจากความอ้วนหรือไม่ แต่น้ำหนักเพิ่มขึ้นร่วมกับอาการบวมน้ำ คือตัวบวม หายใจหอบถี่ ต้องลุกไปปัสสาวะบ่อยๆ ตอนกลางคืน อาจเป็นอาการเริ่มต้นของโรคหัวใจ ไตวาย ต่อมไทรอยด์ผิดปกติ
ส่วนการมีน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคร้ายแรง เช่น วัณโรค เบาหวาน ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ลำไส้อักเสบ หรือโรคมะเร็ง
22. เหนื่อยง่าย โดยปกติแล้วคนเราสามารถออกแรงทำงานต่อเนื่องกัน 1 ชั่วโมงได้โดยไม่เหนื่อย แต่ถ้ารู้สึกเหนื่อยหอบ นี่คือสัญญาณบอกว่าหัวใจไม่แข็งแรง หรือหลอดเลือดอุดตันด้วยไขมัน
23. ตัวเหลืองตาเหลือง อาจเกิดขึ้นจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือเกิดจากปัญหาสุขภาพตับ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ หรือมีนิ่วอุดตันในท่อน้ำดี ทำให้เกิดอาการดีซ่าน
24. หัวใจเต้นผิดปกติ ถ้าอยู่ ๆ รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ หรือเต้นๆ หยุดๆ โดยไม่มีเหตุผล หรือมีอาการเจ็บปวด หรือหน้ามืด เวียนศีรษะด้วย อาจเป็นโรคไทรอยด์ หรือโรคหัวใจ
25. หน้ามืด เกิดจากการที่สมองขาดเลือดและออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงชั่วคราว อาจเกิดจากลุกขึ้นยืนเร็วเกินไป การพักผ่อนไม่เพียงพอ ขาดการออกกำลังกาย กินยาหรือดื่มแอลกอฮอล์ที่มีฤทธิ์กดประสาท แต่หากมีอาการต่อเนื่อง2-3 วัน อาจเป็นเพราะความดันโลหิตต่ำ หรือโลหิตจาง