Tuesday, May 15, 2012

อึ ให้ดี ไม่มีตกค้าง



เมื่อเร็วๆ นี้ได้อ่านบทความหนึ่งในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่เก็บไว้นานมากแล้ว  แต่ก็สดุดกับชื่อเรื่อง "อึ ให้ดี ไม่มีตกค้าง"  ด้วยความที่เราเป็นคนมีปัญหาท้องผูกประจำ เรื่อง "อึ" นี้ น่าจะเป็นประโยชน์ ก็เลยหยิบมาอ่าน และเอามาพิมพ์แชร์ให้เพื่อนๆ ที่กำลังมีปัญหาเรื่องนี้ได้อ่านกัน

อันตรายจากอุจจาระตกค้าง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรปล่อยผ่านไป คนเราถ้าหากเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด กินอาหารที่มีกากใยน้อย อาจทำให้มีพยาธิ เชื้อรา  หรือทำให้ระบบดูดซึมเสีย  หากเราไม่ถ่ายอุจจราะเวลา 5 - 7 โมงเช้า หรืออีกนัยหนึ่ง ถ่ายอุจจาระหลัง 7 โมงเช้า ลำไส้จะบีบ ให้อุจจาระขึ้นไปข้างบน เวลาถ่าย จะถ่ายไม่หมด มีอุจจาระตกค้าง เกาะที่ผนังลำไส้  พอมีอุจจาระให้ที่เหลวกว่า มันก็จะแซงหน้าไปก่อน แต่ไม่สามารถดันพวกที่ค้างแข็งให้ออกไปได้  อุจจาระที่ค้างแข็ง ก็จะเกาะติดแน่นไปเรื่อยๆ อุจจาระตกค้าง จะไปทับเส้นเลือดต่างๆ ให้กระเพาะและกดทับกระดูกหลัง  ทำให้เกิดอาการต่างๆ ตามมามากมาย เช่น ท้องอืด ปวดหลัง ปวดขา ปวดกล้ามเนื้อที่ไหล่และสะบัก เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เป็นผ้า ไมเกรน และอื่นๆ

โอ้ ทำไมแค่ อึ ไม่หมดนี้ มันพาปัญหามาให้เรามากมายเพียงนี้เชียวหรือ  มาไขปริศนาข้อข้องใจกับ นพ. กฤษดา ศิรามพุช  ผอ. สถาบันเวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กันเลย

คุณหมออธิบายว่า เรื่องอุจจาระตกค้าง หรือ อึค้าง นี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ในร่างกายคนเรา เราอาจตรวจสัญญาณอึค้างในลำไส้ใหญ่ได้เองอย่างง่ายๆ  โดยการนอนหงาย แล้วเอามือคลำท้องด้านซ้ายล่าง เลยไปทางสะดึอซ้ายหน่อย แล้วเอานี้ทั้ง 5 ลองกดดูให้ลึกเต็มที่เลื่อนไปมา ถ้ามีอึค้างอยู่ จะคลำได้เป็นลำคล้ายแท่งยาวๆ อยู่ตามรูปลักษณ์ของลำไส้  โดยลำไส้ใหญ่นี้ จะยิ่งคลำได้ชัดในคนผอม ส่วนคนที่อ้วน อาจต้องใช้วิธีนอนแขม่วพุงช่วย แล้วค่อยคลำ จึงจะสัมผัสได้  จริงๆ แล้ว เรื่อง อึ ซึ่งเป็นกิจวัตรธรรมดา ดูเหมือนไม่มีอะไรนั้น มันต้องมีการฝึกการเข้าส้วมกันบ้างให้เป็นนิสัย ปัญหานี้ถึงจะหมดไป

กลุ่มคนที่มักมีปัญหาเรื่องอึค้าง  ได้แก่

1. เด็กเล็กที่ให้กินนมแล้วนอนเลย ไม่พาอุ้มพาดบ่า ลูบหลัง  หรือไม่ยอมให้ลูกขยับตัวกลิ้งไปมาสักนิดหน่อย เพื่อให้ลำไส้ได้บีบตัวบ้าง  และในเด็กที่อึแข็งมาก อึอาจแข็งและบาดรูก้นเป็นแผลได้  แล้วทำให้ครั้งต่อไป เด็กจะไม่อยากอึออกมาเพราะกลัวเจ็บ แผลแยก เลยยิ่งกลั้น พอยิ่งกลั้นอึ อึก็ยิ่งแข็งค้างไปเรื่อย
2. คนที่ผ่าตัดบ่อย จะมีพังผืดไปรัดลำไส้ข้างในนุงนัง ทำให้การบีบตัวไม่ดี อาจมีอึค้างอยู่ตามซอกโน้นนี้นั้นในลำไส้ จนชางคนกลายเป็นโรคลำไส้อุดตันไปก็มี
3. ผู้สูงอายุและคนไข้ที่นอนในโรงพยาบาล ที่ไม่ค่อยได้ขยับตัวลุกเดิน
4. คนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย แถมชอบอั้นอึบ่อยๆ  โดยเฉพาะคนที่ทำงานในออฟฟิศ ต้องนั่งอยู่กับที่นานๆ หรืออั้นเอาไว้เพราะไม่อยากเดินเข้าห้องน้ำบ่อยๆ แบบนี้ก็ไม่ดีแน่
5. คนที่มีลำไส้ยาว ยิ่งยาวก็ยิ่งเป็นไซโล เก็บอึไว้ได้นานขึ้น บางคนจะสังเกตว่า กินผักเข้าไปตั้งเยอะ แต่อึแค่สัปดาห์ละครั้งเท่านั้น

สำหรับเทคนิก "อึให้ดี ไม่มีตกค้าง"  ให้ทำดังนี้

1. อย่าอั้นอึตอนเช้า เพราะถ้าเลยเช้าไปแล้ว กว่าร่างกายจะส่งสัญญาณให้ปวดอึอีก อาจนานจนผิดเวลา
2. อึให้ตรงกับเวลาเดิม เหมือนเป็นการสร้าง "โปรแกรมให้ลำไส้" ให้คอยบีบไล่อึออกมาสม่ำเสมอ ก็จะไม่มีตกค้าง
3. รอจังหวะขณะอึ ขณะนั่งส้วมอยู่ ถ้าไม่ปวดก็อย่าเบ่ง ให้ลองจับสังเกตดู จะพบว่าเราจะ "ปวดเป็นช่วงๆ" แล้วก็คลายไป แล้วประเดี๋ยวก็ปวดบีบขึ้นมาอีก  นั้นเป็นเพราะลำไส้คน จะบีบตัวเป็นลูกคลื่นเหมือนงูเลื้อย  ถ้ามันเลื้อยมาถึงตรงอึพอดี มันจึงปวดขึ้นมา ถ้าเราไปเบ่งตอนไม่ปวด จะเหมือนเป็นการ "แกล้งลำไส้" ให้เกิดแรงดันขึ้นมาโดยใช่เหตุ เกิดโป่งพองขึ้นมาได้ และได้ "ริดสีดวงทวาร" มาเป็นของแถม
4. นวดลำไส้ ถ้าเป็นเด็ก ให้นวดรอบสะดือ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ ให้นวดตรงท้องด้านล้างซ้ายเลยสะดือไป นวดเบาๆ ไปมา แล้วทิ้งไว้สักพัก จะรู้สึกปวดถ่ายขึ้้นมา

5. เอามือกดท้องด้านซ้ายล่างขณะนั่งถ่าย หรืออาจลุกขึ้นนั่งยองเอาหน้าขาเป็นตัวกดไล่อึออกมา เพราะจริงๆ แล้ว การอึที่ดีตามธรรมชาติของคนเราคือ "ท่านั่งย่องๆ" เพราะจะได้มีแรงกดจากหน้าขาด้วย  การที่เราเอาส้วมแบบฝรั่งมาใช้ เป็นการผิดธรรมชาติมนุษย์ เพราะจะไม่มีแรงเบ่งอึมากในท่านั่งห้อยขา ทำให้คนเอเชียกลายเป็นโรคริดสีดวงและท้องผูกกันมากขึ้นตามฝรั่งไป
6. ลุกขึ้นเดิยไปมา จะทำให้ไส้บีบตัวดี สักพักใส่จะบีบรีดเอา "อึท้ายขบวน" ที่เหลือออกมา แล้วเราจะรู้สึกปวดเบ่งอีกที

ไม่ว่าใครก็ตาม ถ้าความถี่ในการอึ น้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ถือว่าเป็น "โรคท้องผูก"  นอกจากออกกำลังกายแล้ว อาจใช้อาหารช่วยล้างลำไส้ได้ อาหารที่จะทำให้ช่วยลำไส้ได้ ก็มี

1. น้ำมะขามเปียกก้นครัว
2. ลูกพรุนแห้งรับประทานทั้งผล เพราะจะได้กากด้วย ไม่ควรแยกกินแต่น้ำ
3. แอบเปิ้ลเขียว จะกินทั้งผลหรือปั่นทั้งกากก็ได้
4. ถั่วดำ จัดเป็นอาหารล้างพิษได้ด้วย
5. สัปปะรดและมะละกอที่มีน้ำย่อย ช่วยกัดกากคราบโปรตีนเก่าๆ ที่ถูกย่อยไม่หมด และมีสภาพติดเป็นอุจจาระยางเหนียวสีดำคล้ายจาระบี
6. เลี่ยงการดื่มน้ำเย็นในตอนเช้า แต่ให้ดื่มน้ำปกติหรือน้ำอุ่นตอนเช้าแทน เพราะขณะตื่นท้องว่าง จะช่วยให้ไส้บีบรัดตัวได้ ชวนให้ปวดอึขึ้นมาได้ดีทีเดียว