Saturday, August 27, 2016

17 สิ่งควรทำก่อนนอน และตื่นนอน แล้วชีวิตจะแฮปปี้ขึ้น !

        ช่วงเวลาก่อนเข้านอน และหลังตื่นนอน เป็นช่วงเวลาที่เราได้อยู่กับตัวเอง เราก็ควรตักตวงความสุขจากช่วงเวลาเหล่านี้ มาเช็กกันว่า มีพฤติกรรมก่อนนอน และหลังตื่นนอนอะไรบ้าง ที่แค่สละเวลาเพียง 5 นาที ก็ทำให้แฮปปี้ได้ตลอดทั้งวัน

          การนอนหลับสนิทตลอดคืน ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกสดชื่น … เชื่อว่ากิจวัตรประจำวันของใครหลายคนอาจไม่เป็นแบบนี้ บางคนทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งคืน บางคนมีเรื่องให้คิดจนนอนไม่หลับ หากชีวิตเป็นแบบนี้แค่วันสองวันคงไม่กระทบต่อสุขภาพกายใจเท่าไร­­นัก แต่ถ้าเป็นแบบนี้ทุกวันเราอาจมีคุณภาพชีวิตที่แย่ลงได้ กระปุกดอทคอมจึงอยากแนะนำ 17 เคล็ดลับดี ๆ เปลี่ยนชีวิตให้แฮปปี้ขึ้น เพียงแค่ปรับพฤติกรรมการนอน และการตื่นนอนนิดหน่อยเท่านั้น มาอ่านกันเลย

8 สิ่งที่ควรทำก่อนนอน

         การนอนหลับสนิทในตอนกลางคืนเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะส่งผลต่อสุขภาพกายและใจของเราด้วย ลองมาดู 8 สิ่งที่ควรทำก่อนนอน เพื่อชัตดาวน์ร่างกาย ให้ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่จริง ๆ

1. กินให้ง่วง

          ความหิวเป็นศัตรูของความง่วง หากปล่อยให้ตัวเองหิว คงหลับไม่ลงแน่ ๆ ซึ่งวิธีกินให้ง่วงแบบไม่อ้วน ได้สุขภาพนั้นง่ายมาก นั่นคือ การเลือกกินอาหารที่มีสารสื่อประสาทกรดอะมิโนทริปโตเฟน และสารเซโรโทนิน เช่น เนยแข็งสด (Cottage cheese) กล้วย เชอร์รี และกีวี

2. ปิดไฟให้หมดทุกดวง

เราอยู่กับแสงสว่างมาเกือบตลอดทั้งวันแล้ว ก่อนเข้านอนก็ควรจะอยู่ในบรรยากาศที่มืด มีแสงน้อยบ้าง เพื่อส่งสัญญาณให้ระบบนาฬิกาชีวิตในร่างกายรู้ว่า เราจะพักผ่อนแล้ว โดยการนอนปิดไฟ งดเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นนอนเล่น สมาร์ทโฟน อ่านหนังสือจากแท็บเล็ต หรือแม้แต่นอนปิดไฟดูทีวี เป็นต้น

3. ปิดรับข่าวสารจากโลกดิจิตอล

          หากอยากนอนแบบเต็มอิ่มตลอดทั้งคืน ก่อนเข้านอนประมาณ 1-2 ชั่วโมง ควรปิดรับการสื่อสารจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และไอแพด ด้วยการปรับโหมดการรับข้อความเป็น Airplane Mode แจ้งเตือนแบบสั่น หรือ ปิดเครื่องไปเลย วิธีนี้จะช่วยให้คลื่นสมองไม่ถูกรบกวนจากเสียงแจ้งเตือน เราก็จะนอนหลับได้ดีขึ้น โดยไม่ต้องสะดุ้งตื่นกลางคันเพราะเสียงรบกวน

  4. บริหารกายเล็กน้อย

          การยืดเส้นยืดสายก่อนเข้านอน ช่วยให้เรานอนหลับได้ดีขึ้น หากใครที่เป็นคนหลับยาก ยิ่งต้องลองทำดู การขยับร่างกายนิด ๆ หน่อย ๆ ก่อนนอน เช่น ทำโยคะ ซิทอัพ กระโดดเชือก เล่นฮูลาฮูป ในเวลาประมาณ 10-15 นาที ถือเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ป้องกันการเกิดเป็นตะคริวและเส้นเอ็นหดเกร็งในขณะที่เราหลับ

5. ทำสมาธิ

          เราใช้งานสมองมาตลอดทั้งวันแล้ว ก็ควรให้สมองได้พักผ่อนบ้าง ด้วยการทำสมาธิก่อนนอน แค่ลองนั่งหลับตา โดยไม่ต้องคิดอะไรนานประมาณ 10-15 นาที สมาธิจะช่วยลดทอนความรู้สึกด้านลบต่าง ๆ ที่อยู่ในใจเรา เช่น คิดมาก วิตกกังวล โกรธ เศร้าซึม เมื่อสมองไม่มีเรื่องต้องคิด ก็จะหลับง่ายขึ้น

6. เขียนบันทึก

          การเขียนบันทึกเล็ก ๆ น้อย ๆ ถึงเรื่องราวที่เราประทับใจเพียงเรื่องเดียว ก็ช่วยผ่อนคลายจิตใจได้ ทำให้เราเข้านอนได้อย่างสบายใจ ไม่มีเรื่องราวให้รกหัว เพราะการเขียนบันทึก็เหมือนเป็นการระบายความรู้สึกอย่างหนึ่ง แนะนำว่า อย่าเขียนเยอะเกินไป เพราะจะดูเป็นคนไร้สาระ ควรเขียนให้พอดี ๆ แค่ประมาณ 1-3 บรรทัดก็พอแล้ว

7. นอนอย่างสบายที่สุด

          การนอนที่ทำให้สุขภาพดีนั้น การนอนต้องมีคุณภาพด้วย หากใครที่แต่ละคืนนอนไม่ค่อยหลับเลย ลองเช็กดูว่า เรานอนด้วยความสบายที่สุดหรือไม่ เช่น สวมชุดนอนที่สบาย ไม่รัดตัว ผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม และหมอนข้างมีความนุ่ม ที่สำคัญคือต้องสะอาด ไม่มีฝุ่น ไม่มีสิ่งของวางเกะกะบนเตียงนอน รวมถึงบรรยากาศในห้องนอนที่ควรไม่มีแมลง หรือยุงคอยรบกวน

8. ฟังเพลงอะคูสติก (Acoustic)

          การฟังเพลงทำนองสบาย ๆ รื่นหู ก็ช่วยให้เรานอนหลับฝันดี จากผลการวิจัยของประเทศจีนในปี 2012 เผยว่า การฟังเพลงประเภท Pink Nose หรือ เพลงที่มีคลื่นความถี่ต่ำ ซึ่งเพลงที่มีคลื่นความถี่ต่ำนั้นส่งผลดีต่อสมอง ช่วยเพิ่มการเรียนรู้และจดจำ อีกทั้งท่วงทำนองที่สบาย ๆ ฟังง่าย ทำให้สมองหลั่งสารเคมีแห่งความสุขออกมา เมื่อในสมองไม่มีเรื่องต้องคิด เราก็จะหลับง่ายขึ้น

9 สิ่งควรทำเมื่อตื่นนอน

          กิจวัตรประจำวันหลังตื่นนอน ก็มีผลกระทบต่อคุณภาพการทำงานตลอดทั้งวันของเรา หากอยากเป็นคนที่มีคุณภาพ ลองทำตาม 9 เทคนิคเพิ่มความพร้อมให้ร่างกายจากเราดู

1. ดื่มน้ำเปล่า 1 แก้ว

          เมื่อเราตื่นนอนแล้ว อย่าเพิ่งเดินเข้าครัวชงกาแฟรสชาติเข้ม ๆ ดื่ม หรือกินอาหารเช้าแสนอร่อยในทันที ควรดื่มน้ำเปล่าให้ได้ 1 แก้วก่อนเป็นอันดับแรก และควรเป็นน้ำอุ่น หรือ น้ำที่อุณหภูมิห้อง น้ำเปล่าจะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย ลดอาการงัวเงียได้

2. ฟิตร่างกายใน 5 นาที

          หลังตื่นนอนแล้ว ลองสละเวลาสัก 5 นาที วอร์มอัพร่างกายให้ตื่นตัว พร้อมใช้งาน อาจเริ่มจากบิดขี้เกียจ ยืดแขน ยืดขา สะบัดมือและเท้า จากนั้นก็สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ

3. เช็กตารางงานตัวเอง

          ความพร้อมขั้นต่อไปที่ควรทำหลังตื่นนอนคือ เช็กอีเมล เปิดปฏิทิน หรือ เปิดดูตารางนัดหมาย เพื่อเตือนความจำว่า วันนี้ต้องทำอะไรบ้าง เราจะได้เตรียมตัวสำหรับสิ่งสำคัญนั้น ๆ

4. เขียนสิ่งที่ตั้งใจทำ

          การจดบันทึกสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน ก็เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรละเลย เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น เราจะทำงานอย่างมีเป้าหมายมากขึ้น จัดการไปตามลำดับได้อย่างมีทิศทาง ข้อดีของการจดบันทึกคือ ช่วยเตือนความจำได้ว่าเราไม่หลงลืมทำสิ่งสำคัญ

5. คิดถึงคนรัก

          ว่ากันว่า คนแรกที่เราคิดถึงหลังตื่นนอนตอนเช้านั้น เป็นคนสำคัญ ดูท่าจะจริง เพราะการคิดถึงคนที่เรารักในตอนเช้ามักทำให้เรามีความสุข รู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจ ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว อาการเหล่านี้ล้วนเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานได้ดี

6. เข้าหาธรรมชาติ

          หลังตื่นนอนแล้ว อย่าเพิ่งเปิดรับข่าวสารใด ๆ แต่ขอให้เข้าหาธรรมชาติ ปรับอารมณ์ของเราให้ดีขึ้นก่อน โดยการออกไปสูดอากาศยามเช้า ชื่นชมความงามของดอกไม้ และต้นไม้ใบหญ้า การได้มองสีเขียวจากธรรมชาติจะช่วยเพิ่มความสบายใจ มีอารมณ์ดี เบิกบานตลอดวัน

7. กอด

          มีหลายงานวิจัยที่มีความเห็นตรงกันว่า การกอด เป็นวิธีการเพิ่มความสุขที่ง่ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการกอดคนรัก คนในครอบครัว เพื่อน หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงในบ้าน เมื่อกอดแล้วจะรับรู้ได้ว่า สมองเราปลอดโปร่ง คิดแต่สิ่งที่ดี ๆ มากขึ้น

8. ยิ้มให้ตัวเอง

          การยิ้มให้ตัวเองหน้ากระจก เป็นเหมือนภูมิคุ้มกันจิตใจอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น การยิ้มแล้วมองดูตัวเอง ก็ทำให้เรามีความสุข แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะได้คือ ความมั่นใจในตัวเอง ลองฝึกยิ้ม แล้วพูดถึงแต่สิ่งดี ๆ กับตัวเอง จะทำให้เรามีพลังใจในการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างประหลาด ใครไม่เชื่อ เราขอแนะนำให้ลองทำดู

9. ฟังเพลงที่อยากฟัง

          ทันทีที่เราลืมตาตื่นขึ้นมา สมองของเรายังไม่ทันประมวลเรื่องราวอะไรมากนัก ช่วงเวลานี้แหละที่เราควรเติมเรื่องดี ๆ ให้สมองได้จดจำ ด้วยการเปิดเพลงที่อยากฟัง จะช่วยให้เรารู้สึกเบิกบาน แจ่มใสไปตลอดทั้งวัน

          ความสุขในชีวิตของเรานั้น แท้จริงแล้วไม่ต้องไขว่คว้าอะไรให้ยุ่งยากเลย แค่ลองปรับกิจวัตรประจำวันก่อนนอน และหลังตื่นนอนของตัวเองเท่านั้น ก็ทำให้ความสุขก็อยู่กับเรานานขึ้นแล้ว

Credit: kapook.com

Sunday, August 7, 2016

วิธียืดอายุ 10 อวัยวะ󾮗󾮗󾮗󾮗󾮗󾮗󾬘󾬘󾬘󾬘󾬘󾬘

เราเคยได้ยินประโยคที่ว่า “อวัยวะของเรานั้นจะเสื่อมไปตามเวลา” แต่รู้หรือไม่ว่า แท้จริงแล้ว เราสามารถยืดอายุของอวัยวะต่างๆ ให้สามารถคงการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอได้
โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ดร.โรแนน แฟคโทรา (Ronan Factora M.D.) แห่งสถาบันการแพทย์ Cleveland Clinic ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เผยเคล็ดลับสรุป ‘สุดยอดวิธียืดอายุ 10 อวัยวะ’ ไว้ในนิตยสาร Times รายละเอียดอยู่ในภาพแต่ละภาพ ดังนี้
สุดยอดวิธียืดอายุ 10 อวัยวะที่สำคัญของชีวิต

1.”สมอง”
ข้อเท็จจริง : หลัง จากอายุ 70 ปี จะเริ่มพบความผิดปกติที่เกิดจากการเสื่อมของเซลส์สมอง ซึ่งมักจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในคราวเดียว
วิธียืดอายุ :
• นิ วโรบิกส์ เอ็กเซอร์ไซส์ (Neurobics Exercise) คือ การทำกิจกรรมที่ต้องใช้มือทั้ง 2 ข้าง ทำงานประสานกัน เช่น การทำสวน การเย็บผ้า การทำกับข้าว จะช่วยให้สมองทั้งซีกซ้ายและซีกขวาได้รับการกระตุ้นและทำงานไปพร้อมกันอยู่ เสมอ
• รับประทานปลาทะเล ถั่วเปลือกแข็ง และธัญพืช อย่างเป็นประจำ เพราะอาหารเหล่านี้มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการบำรุงสมอง
• ฝึก นั่งสมาธิ ใช้วิธีกำหนดรู้ลมหายใจเข้าและออก เป็นการเจริญสติก่อนนอน จะช่วยลดความเครียดและทำให้สมองปลอดโปร่งขึ้นเมื่อตื่นนอนในตอนเช้า
สุดยอดวิธียืดอายุ 10 อวัยวะที่สำคัญของชีวิต

2.”ดวงตา”
ข้อเท็จจริง : หลัง จากอายุ 40 ปี ทุกๆ ปีต่อจากนี้ ดวงตา จอประสาตา และเลนส์ตาจะเสื่อมลง ในอัตราที่ไม่สม่ำเสมอ ขึ้นอยู่กับรูปแบบกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
วิธียืดอายุ :
• สวมแว่นกันแดด เมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นประจำ
• ผู้ที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ ควรพักสายทุกๆ 45 นาที อย่างน้อย 5-10 นาที
• งดใช้โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตก่อนนอน เพราะจะทำให้เกิดผลกระทบต่อวุ้นในตาได้
สุดยอดวิธียืดอายุ 10 อวัยวะที่สำคัญของชีวิต

3.”หู”
ข้อเท็จจริง : หลังอายุ 60 ปี การได้ยินจะค่อยๆ ลดลงใน ทุกๆ ปี และทุกๆ 1 ใน 3 จะมีปัญหาเรื่องการได้ยินเมื่อเข้าสู่วัยนี้
วิธียืดอายุ :
• หลีกเลี่ยงการทำงานหรืออาศัยอยู่ในที่ๆ มีเสียงดัง หากจำเป็นต้องอยู่ในสถานการณ์เหล่านี้ควรใส่เครื่องป้องกัน
• งดสั่งน้ำมูกแรงๆ หรือ กลั้นจาม เพราะอาจทำให้เยื่อแก้วหูมีปัญหา
• งดการแคะหูด้วยตัวเอง เพราะขี้หูเป็นขี้ผึ้งธรรมชาติที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นในหู การแคะหูทำให้เกิดการอักเสบและเยื่อแก้วหูฉีกขาดได้
สุดยอดวิธียืดอายุ 10 อวัยวะที่สำคัญของชีวิต

4.”ปอด”
ข้อเท็จจริง : หลังอายุ 30 ปี ต่อจากนั้น ทุกๆ ปี ประสิทธิภาพการทำงานของปอดจะลดลงราวๆ ร้อยละ 1
วิธียืดอายุ :
• ว่ายน้ำ หรือ วิ่ง อย่างน้อยวันละ 45 นาที – 1 ชั่วโมง
• ใช้สมุนไพรไทยปรับธาตุ จิบยาตรีผลา ก่อนอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 แก้ว เพราะมีสรรพคุณช่วยปรับธาตุ บำรุงปอด แก้ไอ ลดเสมหะได้
• หลีกเลี่ยง ควันธูป ควันจากการประกอบอาหาร ฝุ่นขนาดเล็ก และสารเคมีอันตรายที่มีไอระเหยต่างๆ
สุดยอดวิธียืดอายุ 10 อวัยวะที่สำคัญของชีวิต

5.”หัวใจ”
ข้อเท็จจริง : หลัง อายุ 65 ปี จะเริ่มมีโอกาสเป็นโรคหัวใจเนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจที่ลดลงสวนทางกับอัตรา การหนาตัวของผนังหัวใจที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออายุ 20-30 ปี เฉลี่ยทุกๆ 10 ปี อัตราการสูบฉีดโลหิตสูงสุดจะลดลงราวร้อยละ 10
วิธียืดอายุ :
• งดอาหารหวาน มัน เค็ม รักษาความดันโลหิตและน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
• ว่ายน้ำ เดิน วิ่ง โยคะ ร่วมถึงการยกน้ำหนัก ช่วยให้หัวใจทำงานต่อเนื่อง กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง
• ปลูกต้นไม้ ทำกิจกรรมในสวนสาธารณะ หรือเลี้ยงสัตว์เลี้ยง ผู้ที่มีงานอดิเรกเหล่านี้ มีความเสี่ยงโรคหัวใจน้อยกว่าคนทั่วไป
สุดยอดวิธียืดอายุ 10 อวัยวะที่สำคัญของชีวิต

6.”ไต”
ข้อเท็จจริง : หลังอายุ 50 ปี ไตจะเริ่มเสื่อมลงทีละน้อยๆซึ่งคุณจะไม่รู้ตัวเมื่อมันเสื่อม
วิธียืดอายุ :
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ สถาบันการแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (Institute of Medicine: IOM) ระบุว่า ผู้ชายอายุ 19 ปีขึ้นไป ต้องดื่มน้ำถึง 13 แก้วต่อวัน ขณะที่ผู้หญิงวัยเดียวกันต้องการน้ำวันละ 9 แก้ว
• งดปรุงแต่งรสชาติอาหารโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาล เกลือ หรือซอสต่างๆ
• ควบคุมน้ำหนักตัว และความดันโลหิตไม่ให้เกินเกณฑ์มาตรฐาน
สุดยอดวิธียืดอายุ 10 อวัยวะที่สำคัญของชีวิต

7. “สำไส้”
ข้อเท็จจริง : หลังอายุ 60 ปี ปุ่มเล็กๆ ที่ทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหารในลำไส้เล็กจะบางลง ร่างกายจึงดูดซึมสารอาหารได้น้อยลงตามไปด้วย
วิธียืดอายุ :
• รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ปลา ถั่ว เห็ด รวมถึงผักผลไม้ให้มากขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารทอดจะดีที่สุด
• รับประทานโยเกิร์ต 1 ถ้วยทุกวัน เสริมโปรไบโอติก (Probiotics) เพิ่มปริมาณแบคทีเรียที่จำเป็นในลำไส้
• ฝึกโยคะ ที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณส่วนของการย่อยอาหาร เช่น ท่าแมว ท่าสุนัข ท่าสามเหลี่ยม ท่าศพ จะทำให้การย่อยอาหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สุดยอดวิธียืดอายุ 10 อวัยวะที่สำคัญของชีวิต

8.ผิวหนัง
ข้อเท็จจริง : หลังอายุ 18 ปี ต่อจากนั้น ทุกๆ ปี คอลลาเจนและอิลาสตินในผิวหนังจะลดลงประมาณร้อยละ 1
วิธียืดอายุ :
• ทาครีมกันแดดที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติอย่างเป็นประจำ
• รับประทานถั่วเปลือกแข็ง ผลไม้ตระกูลส้มและเบอร์รี่ อย่างเป็นประจำ
• มาร์คหน้าด้วยโยเกิร์ตผสมข้าวโอ๊ต หรือ ใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้ เพื่อฟื้นฟูผิวหลังจากออกแดดอย่างสม่ำเสมอ
สุดยอดวิธียืดอายุ 10 อวัยวะที่สำคัญของชีวิต

9.”กระดูก”
ข้อเท็จจริง : หลังอายุ 35 ปี ต่อจากนั้นทุกๆ ปีความหนาแน่นของมวลกระดูกจะลดลงราวร้อยละ 1 และจะมีอัตราลดลงเร็วขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน (ในเพศหญิง)
วิธียืดอายุ :
• ยกน้ำหนัก หรือ กระโดดขึ้น-ลง 20 ครั้ง วันละ 2 เซ็ต
• เพิ่มเมนูไทยๆ ที่อุดมไปด้วยแคลเซียม เช่น น้ำพริกกะปิปลาทูทอดกับผักสด อย่างน้อย 3-4 มื้อต่อสัปดาห์
• ระวังการใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์และยาลูกกลอนต่างๆ ที่มีผลทำให้กระดูกพรุน
สุดยอดวิธียืดอายุ 10 อวัยวะที่สำคัญของชีวิต

10.”กล้ามเนื้อ”
ข้อเท็จจริง : หลังอายุ 40 ปี ต่อจากนั้นทุกๆ ปี มวลกล้ามเนื้อจะลดลงและเปลี่ยนเป็นไขมัน อัตราการเกิดนั้นไม่สม่ำเสมอขึ้นอยู่กับรูปแบบกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
วิธียืดอายุ :
• วิดพื้น สวอท และยกน้ำหนักแต่ละท่า ทำประมาณ 15 -20 ครั้ง นับเป็น 1เซ็ต ทำทุกวันอย่างน้อยครั้งละ 2 เซ็ต
• รับ ประทานอาหารที่มีสารแอนติออกซิแดนท์สูง เช่น ผักหลากสี ผลไม้รสเปรี้ยว รสฝาดขม ช่วยชะลอ กระบวนการเสื่อมของเซลล์ได้ อย่าลืมเสริมด้วย การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทำสมาธิ และหาโอกาสออกไปพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ เพื่อลดความเครียด (ตัวการเร่งให้เกิดกระบวนการเสื่อมของเซลล์) ก็ช่วยยืดอายุให้อวัยวะต่างๆ ได้เช่นกัน
        ____________________________
ที่มา : ขอขอบคุณ รศ. ดร. ภญ. อรพรรณ มาตังคสมบัติ อดีต คณบดี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลต