Thursday, August 27, 2015

7 อุปนิสัยนิสัย ที่สุดยอดคนสำเร็จ

😊👍"7 อุปนิสัยนิสัย ที่สุดยอดคนสำเร็จต้องทำหลังตื่นนอน"

1 ชั่วโมงหลังตื่นนอนเป็นช่วงเวลาพิเศษหรือเรียกว่า Golden hour
1 ชั่วโมงที่สำคัญนี้ "อย่ามอบให้ใคร มันต้องเป็นของคุณ" คนสำเร็จใช้เวลาสำคัญทำสิ่งต่อไปนี้..

7 สิ่งที่ต้องทำคือ..

1.ดื่มน้ำทันทีอย่างน้อย 2 แก้ว
อย่าลืมว่าร่างกายคุณขาดน้ำมาทั้งคืน เหมือนไปเดินบนทะเลทรายมา 6-8 ชั่วโมง ดื่มไปเลย 2 แก้วใหญ่ๆ เพื่อให้น้ำหล่อเลี้ยงสมอง ร่างกายและเพิ่มความสดชื่น

2.ยืดเส้นยืดสาย ออกกำลังกายเบาๆ หรืออย่างน้อยๆให้ยืดเส้นยืดสาย
นอกจากเป็นการกระตุ้นร่างกายให้สดชื่นและเกิดการตื่นตัวแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ซึ่งจะส่งผลต่อความคิดและจิตใจเราอีกด้วย
เพื่อเตรียมพร้อมรับสิ่งดีๆ ในวันนี้

3.ห้ามเชค line, facebook
เช้านี้เป็นของคุณ คุณต้องfocus เรื่องของคุณ อย่าให้สิ่งอื่นๆที่ไม่ใช่
หรือสิ่งที่คนอื่นป้อนเข้ามา มากวนใจ มากวนสมาธิ รวมไปถึงการฟังข่าวลบๆ
ไม่ว่าจะทางทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์

4.ทำสมาธิ 5-10 นาที
การนั่งสมาธิช่วยได้มากในเรื่องลดความตึงเครียด คลายความกังวล ทำให้สมองตื่นตัว ทำให้การควบคุมอารมณ์เป็นไปได้ด้วยดี ช่วยเพิ่มพลังทางความคิดและพัฒนาศักยภาพตนเองมากขึ้น

5.หายใจเข้าออกยาวๆ
การหายใจให้ถูกต้อง ให้เป็นไปตามอัตราส่วน 1:4:1 เช่น หายใจเข้า 4 วินาที แล้วกลั้นไว้ 16 วินาที หายใจออก 4 วินาที อย่างน้อย 10 ครั้ง
ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามอัตราส่วนนี้ แล้วคุณจะรู้สึกว่ามีสมาธิ สมองโล่ง ปลอดโปร่ง เพราะออกซิเจนสามารถไปเลี้ยงสมองได้เป็นอย่างดี

6.ขอบคุณสิ่งดีๆ
คนส่วนใหญ่มักมองแต่สิ่งที่ขาด คนสำเร็จสำนึกขอบคุณสิ่งที่มี เริ่มต้นเช้าวันใหม่ในทุกๆวันด้วยการขอบคุณทุกๆอย่างในชีวิต ขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่ ขอบคุณครอบครัว ขอบคุณบ้าน ขอบคุณเตียงนอน ขอบคุณพี่น้อง ครูอาจารย์และผองเพื่อน ขอบคุณร่างกาย แขนขา ขอบคุณ ขอบคุณ สำคัญคือการขอบคุณสิ่งดีๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน ผลการวิจัยพบว่า การฝึกขอบคุณคือการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสมองแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งนั่นจะส่งผลให้สมอง
และจิตของเรามีพลังเข้มแข็ง สร้างสรรค์และสงบ

7.ทบทวนเป้าหมาย
ความฝัน เป้าหมาย เขียนมันลงไปในกระดาษในทุกๆวัน ไม่ว่าจะเรื่องเงิน งาน สุขภาพ สังคม ครอบครัว แล้วคุณจะพบสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น บางสิ่งมาง่ายๆ โดยไม่ต้องออกแรงด้วยซ้ำ "ถ้าความฝันคุณมีค่าพอ ให้เขียนมันลงไป"

หลายคนเริ่มบ่น ทำไมมันเยอะจัง ตอนปฏิบัติจริงใช้เวลาเพียงไม่นาน แต่ได้ผลลัพท์มหาศาล ถ้าคุณทำตามทุกๆวันจนกลายเป็นนิสัย คุณได้ก้าวไปใกล้ความสำเร็จอีกขั้นแล้วครับ ที่สำคัญอย่าอ่านเฉยๆ มันจะไม่ได้ประโยชน์ใดๆ เลย.."ลงมือทำซะ"

"ความสำเร็จ เริ่มต้นจากตัวคุณเอง"

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆของ : คุณบัณฑิต อึ้งรังษี

Wednesday, August 26, 2015

ประโยชน์ของการนอนเร็วก่อน 4 ทุ่ม


โดย นพ.กฤษดา เล่าให้ฟังถึงผลเสียของการนอนดึกว่า ทำให้ 5 อวัยวะหลักเสื่อมเร็วขึ้นดังนี้

(1)"สมอง"
(2)หัวใจ
(3)หลอดเลือด
(4)ต่อมไร้ท่อ
(5)ภูมิคุ้มกันร่างกาย

ถ้าปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตมาเป็นคนนอนเร็วขึ้น ก่อน4 ทุ่มก็จะช่วยให้มีสุขภาพดีขึ้นถึง 9 ประการ

1. สมองสร้างเคมีฯที่มีประโยชน์กับอวัยวะ
ต่างๆของร่างกาย สมองเป็นส่วนสำคัญในการแจกงานให้อวัยวะต่าง ๆ แม้แต่เวลานอนก็ยังทำให้ร่างกายได้รับ เคมีนิทรา (เมลาโทนิน), เคมีสุข (ซีโรโทนิน),ฮอร์โมนเพศและเคมีหนุ่มสาว(โกรทฮอร์โมน)แถมยังมีเคมีบำรุงออกมาควบคุมระบบในตัวเราให้ทำงานราบรื่น ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น ทำให้ดูอ่อนเยาว์ สร้างเกราะป้องกันอาการป่วยได้ด้วย
2. สมองมีความจำดีขึ้น

การศึกษาจากสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) ระบุว่า คนที่นอนหลับได้แค่ราว 4 ชั่วโมงต่อคืน ติดต่อกันนาน ๆ มีผลต่อความจำและสมาธิมากขึ้น นั่นก็เพราะเวลาเรานอน สมองจะมีกลไกช่วยจัดระเบียบคล้ายกับการแยกอีเมลขยะออกไป แต่ถ้าเราอดนอน เราจะรู้สึกมึน ลืมง่าย หรือไม่ก็ลิ้นพันกัน คิดอย่างพูดอย่าง

3. คุมความดันโลหิตได้ การนอนหลับเร็ว จะช่วยให้ระบบประสาทอัตโนมัติทั้งหลาย และกลไกทางชีววิทยาที่เป็นเหมือนฟันเฟืองขนาดจิ๋วทำงานซับซ้อนช่วยควบคุมหัวใจ และความดันโลหิตให้สงบลง ไม่แกว่งขึ้นลงง่ายเหมือนกับตอนตื่นนอน

4. ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนสึกหรอ
การนอนไวช่วยซ่อมแซมร่างกายที่สึกหรอ ช่วยให้สมองได้พักผ่อน กล้ามเนื้อคลาย ตัว หัวใจสงบขึ้น ความดันลดลง

5. ได้ล้างพิษ เวลาที่เรานอนจะเป็นช่วง เวลาที่อวัยวะอย่าง ตับ ไต ลำไส้ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ช่วยล้างพิษทำงานได้ดีขึ้น

6. ไม่อ้วนง่าย การนอนเร็วช่วยคุมน้ำหนัก ตัวได้ดีกว่า อีกทั้งยังกระตุ้นเตาเผาใน ร่างกายให้ทำงานได้ดี ช่วยให้ไม่อ้วนง่าย ไม่สร้างเคมีเก็บไขมันมากด้วย

7. มีสุขภาพดีขึ้นถ้าเรานอนให้เร็วขึ้น เรา จะได้นอนอย่างเต็มอิ่ม ร่างกายและสมอง ได้พักผ่อน ความจำดี มีสมาธิ มองอะไร ก็มีความสุขได้ง่ายขึ้น

8. โรคไม่กำเริบ การนอนไวไม่เสี่ยงต่อ
โรค กำเริบโดยเฉพาะโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ความดันสูง เบาหวาน ภูมิแพ้ โรคเครียดซึมเศร้า และโรคมะเร็ง

9. ชะลอความแก่ นอนตั้งแต่หัวค่ำ เพราะ แค่นอนก็ช่วยเสริมสร้างความหนุ่มสาว และช่วยให้หลับสนิททั้งหลายไม่ทำร้ายร่างกายก่อนวัยอันควร จึงป้องกันความเสื่อมชรา

Wednesday, August 19, 2015

รู้โรค... จากกลิ่น"ลมหายใจ"

สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามนั่นคือ กลิ่นปาก หรือกลิ่นลมหายใจ ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ ที่ทำให้เราสูญเสียความมั่นใจเท่านั้น ยังสามารถสื่อถึงอาการของโรคต่างๆ ที่แอบแฝงในร่างกายเราได้ ดังนั้นคนที่มีกลิ่นปากหรือกลิ่นลมหายใจเหม็น หรือผิดปกติ คุณควรให้ความใส่ใจดูแลบ้าง

กลิ่นแบบไหน สื่อถึงโรคใด

กลิ่นลมหายใจ มีกลิ่นคล้ายเนย ระวัง ... โรคไซนัสอักเสบ

กลิ่นลมหายใจ คล้ายผลไม้หอมหวาน ระวัง ... โรคเบาหวาน

กลิ่นลมหายใจ คาว ระวัง ... โรคตับ

กลิ่นลมหายใจ คล้ายกลิ่นปัสสาวะ ระวัง ... โรคไต แสดงว่าขับของเสียไม่หมด มีการดูดกลับเข้ากระแสเลือด

กลิ่นลมหายใจ คล้ายกลิ่นคาวเลือด ระวัง ... โรคเหลือง

กลิ่นลมหายใจ คล้ายโรงเลี้ยงสัตว์ เหม็นคาว ระวัง ... โรคไข้ทรพิษ

กลิ่นลมหายใจ คล้ายขนมปังอบใหม่ ระวัง ... โรคไข้รากสาดน้อย

กลิ่นลมหายใจ เหม็นเน่า ระวัง ... โรคเลือดออกตามไรฟัน

กลิ่นลมหายใจ คล้ายขนมปังเหม็นบูด ระวัง ... โรคขาดสารอาหารพวกไนอาซิน และวิตามินบี 6

กลิ่นลมหายใจ มาจากเสมหะเหม็นน่า แสดงถึงการติดเชื้อขั้นรุนแรง

กลิ่นลมหายใจ มีกลิ่นเหมือนแก๊ส ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษเข้าไปร่างกายมีการขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา

กลิ่นลมหายใจ มีกลิ่นฝรั่งสุก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษพวกฟอสฟอรัสเข้าไป

กลิ่นลมหายใจ มีกลิ่นหญ้าไหม้ พบในผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษพวกกัญชา

แค่สังเกตลมหายใจ ก็สามารถวินิจฉัยโรคได้เบื้องต้นแล้วค่ะ...

ขอบคุณข้อมูลจาก
http://women.thaiza.com/

Friday, August 7, 2015

ข้อควรระวังในผู้สูงอายุ


.....แนะนำผู้ใหญ่ที่บ้านนะครับ...

....ข้อควรปฏิบัติ 15 กรณีดังนี้....

1. ให้เดินโดยมีไม้เท้า หรือเกาะราวเมื่อถึงคราจำเป็น อย่ากลัวเสียหน้า
2. ระวังเมื่อเดินพื้นต่างระดับ และอย่าเดินถอยหลัง
3.เวลาลงจากรถ ควรหยุดยืนตั้งตัวสักครู่ ก่อนออกเดิน
4.ขึ้นลงบันไดให้เกาะราวจับ
5.นุ่ง/ถอดกางเกงหรือใส่เสื้อผ้าควรมีที่เกาะหรือพิงได้ และนั่งใส่จะดีกว่า
6. ไม่ควรรับเป็นประธาน หรือเจ้าภาพเผางานศพ เพราะท่านจะต้องขึ้นเมรุคนเดียวโดยไม่มีราวจับ เพราะถึงแม้มีราวจับแต่มันจะประดับด้วยดอกไม้ต้นไม้ นอกจากมีคนคอยพยุง
7.ยืนอาบน้ำควรมีราวจับ หรือมีแผ่นกันลื่นที่พื้น เพราะจะลื่นล้มง่าย
8.ยืนอาบน้ำในอ่าง ควรมีที่จับและแผ่นกันลื่น และเวลาออกจากอ่างต้องระวังเท้าสะดุดขอบอ่าง
9. ไม่ควรใช้บ้นได ชนิดพาดพิง หรือกางออก ทำงานบนที่สูง เพราะอาจพลาดตกลงมาได้
10.ไม่ควรใช้ส้วมนั่งยองเพราะอาจหน้ามืดล้มได้
11.ไม่ลุกพรวดพราด เวลาถ่ายทุกข์เสร็จ หรือตื่นนอนใหม่ๆ ให้ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ให้ระบบไหลเวียนเลือดปรับตัว
12. เข้าห้องน้ำ ไม่ควรใส่กลอนประตู มีเหตุฉุกเฉิน ลูกหลานจะเข้าช่วยได้ทัน
13.ไม่ควรขับรถ ถ้าจำเป็นให้ขับช้าๆ เพราะประสาทคนสูงอายุจะตามรถไม่ทัน
14.เวลาล้ม อย่าเอามือยัน ให้ยอมเจ็บตัวดีกว่าแขนหัก (แต่ถ้าให้ดี ระวังอย่าให้ล้มดีที่สุด)
15. อย่าคิดทะนงว่าตนยังหนุ่มยังสาวแข็งแรง คิดแบบนี้เกิดอุบัติเหตุมานักต่อนักแล้ว

....โดย นพ.เกษม วัฒนชัย ....

การยืนเท้าเปล่า ใต้ต้นไม้ นำผลดีต่อสุขภาพ

คุณทราบมั้ยว่า !!!! การยืนเท้าเปล่า ใต้ต้นไม้ นำผลดีต่อสุขภาพ และชะลอความแก่ได้

ร่างกายมนุษย์ สะสมไฟฟ้าสถิตเกินควร มาปล่อยไฟฟ้าสถิตจากตัวเราลงดินเถอะ เพื่อสุขภาพ

เหตุผล คือ พื้นดินใต้ต้นไม้ มีความชื้นที่พอเหมาะ ในยามแดดร้อนกล้า เมื่อเทียบกับ พื้นคอนกรีต หรือพื้นกลางแดดที่แห้งแล้ง ความชื้นต่ำไป ไม่อาจเหนี่ยวนำไฟฟ้า ประจุไฟฟ้าจึงถ่ายเทไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่สายดินล่อฟ้า ต้องปักลึกเข้าไปใต้ดิน ไม่ต่ำกว่า 2 เมตร ซึ่งเป็นเนื้อดินที่มีความชึ้นค่อนข้างคงที่ สะดวกต่อการเหนี่ยวนำไฟฟ้าเข้าสู่โลก

หมอจีนผู้หนึ่ง ซึ่งอพยพไปอยู่อเมริกานานปี เล่าเรื่องตัวอย่างชีวิตจริง โดยหวังให้ช่วยเผยแพร่เป็นบุญกุศลแก่สาธารณชน เรื่องมีอยู่ว่า ประธานบริษัทข้ามชาติผู้หนึ่ง เป็นโรค นอนไม่หลับมานานปี แต่ละปีต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปหาหมอหลายล้านเหรียญ แต่ก็ไม่หาย ต้องเดินไปมาในห้องทุกคืน ลูกชายเขาบังเอิญได้มีโอกาสฟังการบรรยายของ Dr. Christopher ซึ่งเน้นให้คนเราต้อง สัมผัสกับพื้นดิน เพื่อปล่อยประจุไฟฟ้าสถิต ออกจากร่างกาย ลูกชายจึงพาคุณพ่อ เดินเท้าเปล่า บนสนามหญ้าที่ชื้นนิ่ม โดยใช้เวลา 10 นาที รุ่งเช้าวันต่อมา ปรากฏว่าท่านประธาน นอนหลับสบายตลอดคืน ตื่นขึ้นมา มีอารมณ์สดชื่น กระปรี้กระเปร่า

ญึ่ปุ่น เป็นประเทศที่คนอายุยืน มีกฎหมายกำหนดให้รองเท้าเด็ก ไม่ใช้พื้นยาง เพราะสวมใส่รองเท้าพื้นยางพารา หรือยางเทียม เท่ากับเป็นฉนวนตัดขาดจากพื้นดิน ประจุไฟฟ้าสถิตจะสะสมในร่างกายเกินควร ทำให้แก่เกินวัย ภูมิคุ้มกันถดถอย มีอาการนอนไม่หลับ ร่างกายเสียสมดุล เป็นมะเร็งได้ง่าย (ปัจจุบัน ผู้ใหญ่เป็นมะเร็ง โดยเฉลี่ยเกือบ 33%)

ผลิตภัณฑ์ทางเคมีปัจจุบัน มีมากกว่า 10 ล้านชนิด ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ กระจัดกระจายอยู่ในชีวิตประจำวันของคนเรา เช่น รองเท้ากว่า 90% ใช้พื้นยางเทียมที่เป็นฉนวนไฟฟ้า ซึ่งผิดกับรองเท้าดั้งเดิม ที่ใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น รองเท้าฟาง รองเท้าผ้า รองเท้าหนัง เป็นต้น

ร่างกายเรา เปรียบเหมือน bio-electromagnetic field ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของ สนามแม่เหล็กโลก ตราบใดที่ความสมดุลทางธรรมชาติแปรเปลี่ยน หรือถูกกีดขวาง ก็จะทำให้ร่างกายและจิตใจไม่สบาย

เมือง “ทันสมัย” เต็มไปด้วย ถนนลาดยาง ถนนคอนกรีต พื้นกระเบื้อง ซึ่งล้วนเป็น "วัตถุฉนวน" ประกอบกับ ยางล้อรถยนต์ที่เรานั่ง รองเท้ายางเทียมที่เราสวมใส่ คนสมัยใหม่ ใช้ชีวิตโดยไม่สัมผัสกับพื้นดินตลอดทั้งวันก็ว่าได้ ปัญหาที่ติดตามมา จึงน่าศึกษา ให้ถ่องแท้

พื้นผิวในอาคารสูง แม้จะชื้นแฉะเพียงใดก็ตาม ไม่ถือเป็นพื้นผิวโลก และไม่อาจปลดปล่อยประจุไฟฟ้าสถิต ดังนั้น แต่ละวันเดินเท้าเปล่า บนสนามหญ้า พื้นดิน ผิวลูกรัง หรือชายหาด สักช่วงหนึ่ง เป็นดีที่สุด

ผู้ป่วย ยิ่งต้องสัมผัสกับ ธรรมชาติให้มาก อย่าลืม ถอดรองเท้าพื้นยาง มิฉะนั้น จะหายใจลึกยังไง หรือเดินทอดน่องนานแค่ไหน ก็ช่วยได้ไม่มาก

รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมถอดรองเท้า แล้วมาเดินเท้าเปล่า บนพื้นดิน พื้นหญ้า กันบ้างนะคะ

ข้อคิดจากแพทย์หญิงอังคณา

แพทย์หญิงอังคณา แชร์มาให้อ่านค่ะ
แชร์ต่อนะคะ!!! เภสัช ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับการกินมาเยอะ เลยแชร์ให้ฟังนะ

1. ควรหลีกเลี่ยงน้ำ RO (reverse osmosis) เพราะน้ำสะอาดเกินไป ไม่มีแร่ธาตุอะไรเหลืออยู่เลย เวลาดื่มเข้าไปร่างกายจะมีสภาวะเป็นกรด ร่างกายจะ balance ด้วยการดึงแคลเซียมจากกระดูกออกมา ทำให้กระดูกพรุน

2. ผู้ชาย ต้องการน้ำ วันละ 4 ลิตร  ผู้หญิง วันละ 3 ลิตร  ถ้าไม่มีโรคประจำตัวที่ต้องจำกัดน้ำ เวลาดื่มให้ค่อยๆ จิบ อย่าดื่มโฮกๆ ร่างกายดูดซึมไม่ทันอยู่ดี

3. หลีกเลี่ยงน้ำแร่จาก อยุธยา ราชบุรี สระบุรี ปนเปื้อนเยอะ

4. น้ำมันหมู ใช้ทอดอันตรายน้อยกว่า น้ำมันถั่วเหลือง และ น้ำมันปาล์ม

5. การกินไข่ วันละ 2 ฟอง ไม่ทำให้ไขมันในเลือดสูง อยู่ที่วิธีการปรุงสุกมากกว่า

6. ชาเขียวยี่ห้อดีๆ ดักจับสารพิษได้ ยิ่งดีมากเท่าไหร่ยิ่งขับสารพิษออกจากร่างกายได้มาก (ไม่ใช่พวกอัดขวดขายนะ)

7. อาหารเสริมจำเป็น เพราะปัจจุบันอาหารที่เรากินมีสารพิษเยอะมาก แต่ต้องเลือกที่เป็นธรรมชาติ

8. นมวัวเป็นพิษกับคนทุกคน

9. ผลิตภัณฑ์ Blackmore ทุกตัว คือ สารเคมีล้วนๆ แพงอีกด้วย

10. ยาที่อยู่ในแผงใสเท่านั้น ที่แบ่งใส่กล่องได้ แต่ยาในแผงทึบ หรือแผงขุ่น ควรเอาออกจากแผงก่อนกิน ไม่เกิน 15 นาที เพราะความชื้นและแสง จะทำลายตัวยา

11. อัลตราคาร์บอน ดีที่สุดสำหรับท้องเสีย แม้จะติดเชื้อก็ตาม กินไปเลย 3-4 เม็ด ทุก 3 ชม.

12. ถ้าเจ็บคอ ไม่จำเป็นต้องติดเชื้อเสมอไป บางทีอักเสบเฉยๆ กินวิตามิน C 1,000 mg. กับ ฟ้าทะลายโจร เช้า-เย็น ไม่เกิน 3 วันหาย (กรณีไม่ติดเชื้อ)

ด้วยความห่วงใย ค่ะ