Sunday, May 31, 2015

อาการบอกเหตุ...เรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

การสังเกตอาการที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอาจบ่งบอกถึงความผิดปกติต่างๆเบื้องต้นได้ แต่ควรหาสาเหตุที่แท้จริง จึงจะแก้ปัญหาได้ถูกจุด อาการบางอย่าง อาจเกิดจากสาเหตุต่างกัน แต่มีอาการเหมือนกัน เช่น...

- อาการนอนไม่หลับ
อาจเกิดจากถุงน้ำดีข้น หรือ กระดูกคอข้อที่ 1 เคลื่อน หรือเลือดไม่ค่อยเลี้ยงหัวใจ เนื่องจากเป็นคนตื่นเต้นบ่อย

- ผิวหยาบ มีขี้แมลงวัน มีติ่ง หูด ตาปลา
สาเหตุมาจากลำใส้ใหญ่สกปรก

- ปัสสาวะมีกลิ่นแรง กลิ่นฉุนมาก เกิดจากไตไม่ดี ต่อมลูกหมากโต มีปัสสาวะคั่งค้าง
ให้กินแกนสัปปะรด 3 แกน ทุกวันเป็นเวลา 7 วัน และดื่มน้ำกระชาย

- ปวดนิ้วก้อย บอกถึงระบบความร้อนบกพร่อง ร่างกายถูกความเย็นตอน 3 – 5 ทุ่ม
เช่นอาบน้ำเย็น ตากแอร์ เพราะเป็นเวลาที่ร่างกายต้องการความอบอุ่น

- ปวดใต้ฝ่าเท้า หมายถึงปอดไม่แข็งแรง

- ปวดเข่า
ปวดด้านนอก ขึ้นมาถึงสะโพก หรือโคนขา หมายถึงถุงน้ำดีข้น ดื่มน้ำน้อยไปหรือระบบดูดซึมไม่ดี
อันมาจาก การกินของผัดน้ำมันพืช น้ำมันพืชที่ถูกความร้อนจะแปรสภาพเหนียวเกาะที่ลำไส้ ทำให้สารอาหารและน้ำซึมผ่านไม้ได้

ปวดด้านหน้า หมายถึง กระเพาะอาหารไม่ดี กินอาหารไม่ตรงเวลา หรือมีความวิตกกังวลบ่อย

ปวดด้านใน (ด้านที่เข่าชนกัน) หมายถึงปัญหาจาก ม้าม / เบาหวาน / อ้วน / ตับ /
กินหวาน / ขี้โมโห / มีสารพิษ / ไต / กินรสจัด / หรือกินอาหาร ผัดน้ำมัน

ปวดตามข้อ ปวดเข่า ให้ตื่นเช้าเอาน้ำเย็นรดตามข้อ สลายหินปูนเกาะได้
กระตุ้นการขับถ่ายด้วย

- ปวดสะบัดหลัง ปวดเอว หมายถึงถุงน้ำดีข้น ต้องล้างระบบดูดซึม

- ปวดกล้ามเนื้อหน้าอก อาจเกิดจากปัญหา หัวใจ หรือไต หรือกระเพาะอาหารไม่แข็งแรง

- มีอาการตึงใต้ราวนมขวา หมายถึงน้ำเหลืองไม่ดี สาเหตุมาจากมีอุจจาระตกค้างมาก
หรือถ่ายไม่หมดเป็นประจำ ให้หาทางระบายและกินขมิ้นชันตอนเช้า 9 โมง ช่วยเรื่องน้ำเหลืองให้ดี

- ปวดหลังมาจาก ท่านั่งไม่ถูกต้อง หรือ ความชื้นเข้าผิวหนัง หรือเพราะความวิตกกังวล
หรือ เป็นนิ่ว ลมในท้องเยอะ ดันกรวยไตให้งอ

- ปวดด้านข้างนอกฝ่าเท้า เป็นอาการของตับไม่ดี ถุงน้ำดีข้น นอนไม่หลับ ปวดหู ไมเกรน

- กดกลางฝ่ามือ ถ้าเจ็บ หมายถึง หัวใจโต เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ

- กดใต้นิ้วชี้ ถ้าเจ็บ หมายถึง ระบบย่อย ตับ กระเพาะไม่ดี

- กดใต้ร่องนิ้วนาง กับก้อย ตรงเส้นหัวใจ ถ้าเจ็บ หมายถึง
กล้ามเนื้อหัวใจไม่แข็งแรง

-นิ้วกลางล็อค หมายถึงมีไขมันในเลือดมาก ต้องกินน้ำกระเจี๊ยบ-พุทราจีน
เกิดจาก ตื่นเต้นบ่อย กินอาหารคอเลสเตอรอลสูง กินของหวานที่มีน้ำตาลมาก

- ปวดข้อมือใต้นิ้วโป้ง หมายถึงการมีอุจจาระค้างในลำใส้ใหญ่มาก
ควรแก้ใขด้านการขับถ่าย การมีอุจจาระค้างมากอยู่เสมอยังเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก
กลิ่นตัว และอาจจะไปรบกวนการทำงานของตับอ่อนในการผลิตอินซูลิน อันเป็นต้นเหตุหนึ่งของเบาหวาน

- ตากุ้งยิง แก้โดยการดูที่แผ่นหลังจะมีเม็ดคลายหัวสิวเกิดขึ้น
ให้สกิดอ่อนแล้วตากุ้งยิงจะหายไปเอง

- มือสั่น เกิดจากมีน้ำมันเกาะลำไส้มาก ซึ่งอาจเกิดจากกินอาหารผัดน้ำมันพืช หรือตื่นเต้นบ่อย

- เล็บ มีดอก หมายถึงเลือดจาง

- เหงื่อออกง่าย เหงื่อออกฝ่ามือ ตัวเย็น เกิดจากหัวใจไม่แข็งแรง
หรือฮอร์โมนไม่ปกติ ดื่มน้ำกระชาย กินหัวใจหมูต้ม ข้าวเหนียวกับลำไยแห้ง ช่วยบำรุงหัวใจ

- ขี้ร้อน เกิดจาก ไตซ้ายเสื่อม กระทบถึง สมองซีกขวา ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการจินตนาการ ศิลปะหรือขาด
ฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือถูกความเย็นตอน 3 ทุ่ม – 5 ทุ่มระบบความร้อนในร่างกายบกพร่อง

- ขี้หนาว - หมายถึงไตขวาเสื่อม จะกระทบถึงการทำงานของ
สมองซีกซ้ายที่ทำหน้าที่เก็บความจำ คำนวณ จับประเด็น สาเหตูจากถูกความเย็นตอน 3 – 5ทุ่ม

- ถ้าหิวแล้ว มีอาการหิวจัด ทนไม่ได้ อาจกำลังจะเป็นเบาหวาน

- เหน็บชา ตามแขน ขา เกิดจากเลือดไหลเวียนไม่ดี หรือมีพยาธิ เลือดน้อย
หรือไม่กินข้าวซ้อมมือ น้ำชีวภาค ดีกว่ากระชาย

- ตะคริว สาเหตุมาจากหัวใจไม่แข็งแรง ให้งดกิน ถั่ว ข้าวเหนียว ของดอง
ตะคริวบก ขาดโปรแตสเซียม ให้กินผลไม้สดมากๆ
ตะคริวน้ำ ให้ดื่มน้ำเกลือ (เกลือแกงป่น 1 ช้อนชา ละลายน้ำอุ่นดื่ม)

- ไม่กินอาหารเช้า จะทำให้ สมองเสื่อม ผมร่วงง่าย หน้าแก่เร็ว คออักเสบง่าย ร้อนใน
ปวดไหล่ กล้ามเนื้อเหลว กระดูกคอ กระดูกสะโพกเคลื่อนง่าย เข่าไม่ดี น่องเหลว น่องทู่ ปวดข้อเท้า วิตกง่าย ขี้โมโห

- กลิ่นตัว เกิดจากลำใส่ใหญ่สกปรก มีสิ่งตกค้างมาก ซึมเข้าระบบเลือด และออกทางเหงื่อ ปาก และลมหายใจ

- อัมพฤษ อัมพาต ส่วนใหญ่เกิดจากท้องผูก การขับถ่ายไม่ดี ประกอบกับเส้นเลือดตีบ
เวลาเบ่งอุจจาระจะเพิ่มอันตรายจากการคั่งของเลือด ทำให้เกิดเส้นเลือดตีบตัน หรือแตก
หมดความรู้สึกและล้มลง (มักเข้าใจผิดว่าหกล้มก่อนแล้วเส้นเลือดแตก)
ควรป้องกันด้วยการดื่มน้ำกระเจี๊ยบ พุทราจีน ขยายหลอดเลือด หรือกินข้าวต้มน้ำมะละกอ
7-10 วัน อาการจะดีขึ้น (วิธีการทำข้าวต้มน้ำมะละกอ นำมะละกอดิบครึ่งลูกตัดจุกออก เอาเม็ดออก หั่นพร้อมเปลือกเหมือนฟัก ต้มน้ำเคี่ยวจนนิ่ม เอาแต่น้ำมาต้มข้าวต้ม ถ้าใช้ข้าวกล้องยิ่งดี จะใส่ใบเตยด้วยก็ได้ กิน 3 มื้อทุกวัน)

- อวัยวะที่สัมพันธ์กัน - ริมฝีปากกับม้าม ถ้าใช้ลิปสติกที่มีสารเคมี
จะทำให้ม้ามไม่แข็งแรง ผลิตไขมันมาก ทำให้อ้วน

- หูกับไต หูไม่ดี ไม่คอยได้ยิน เป็นการแสดงถึงไตไม่แข็งแรง

- ลิ้นกับหัวใจ อาการของลิ้น บ่งบอกถึงความไม่แข็งแรงของหัวใจ

- สายตา กับตับ รวมถึงเส้นผม และเส้นเอ็น ตับไม่แข็งแรงจะทำให้สายตาเสื่อมโทรม ผมหงอก และเส้นเอ็นหย่อนยาน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=39405.0

5 ผักกับอาการแปลกที่ตามมา

ผักผลไม้เป็นอาหารที่ใครๆ ก็รู้นะคะว่ามีประโยชน์มากมาย แต่
คุณรู้ไหมคะว่าถ้าหากเราทานเข้าไปมากๆ และสะสมเป็นเวลา
นานๆ นั้นก็สามารถทำให้ร่างกายของเรามีอาการที่แปลกๆ ตามมา
ได้เหมือนกันค่ะ

1. มะละกอ สารแคโรทีนอยด์ในมะละกออาจจะตกค้างในตับ ทำให้ฝ่ามือกลายเป็นสีเหลือง แต่กว่าอาการนี้จะเกิดได้ คุณต้องทานมะละกอวันละอย่างน้อยหนึ่งลูกและทานทุกวันด้วย

2. แครอท คนที่กินแครอทเป็นประจำในปริมาณที่มากเกินไป อาจเกิดอาการตัวส้ม ผิวบางส่วนเช่น ที่มือ เท้า กลายเป็นสีส้มอมเหลืองนั่นเพราะตับของคุณไม่มีเอนไซม์ ชนิดที่ใช้เปลี่ยนสารแคโรทีนอยด์จากแครอท ให้เป็นวิตามินเอ แต่ไม่ต้องกลัว แค่หยุดทานแครอทสัก 1-2 สัปดาห์ สีผิวก็จางลงเอง

3. บีทรูท เป็นผักที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและไฟเบอร์เรียกว่ามีประโยชน์ไม่เป็นสองรองใครเลยทีเดียว แต่สำหรับบางคน การทานบีทรูทมากๆ ก็อาจทำให้ปัสสาวะออกมาเป็นสีแดงได้

4. มะเขือเทศ ในมะเขือเทศมีสารไลโคปีนที่ดีต่อผิว แต่ก็เหมือนกับเพื่อนผักอย่างอื่น คือถ้าทานมะเขือเทศแบบจัดหนักจัดเต็มแบบติดต่อกันนานๆ เช่นดื่มน้ำมะเขือเทศเข้มข้นทุกวัน ผิวของคุณอาจกลายเป็นสีเหลืองอมส้มได้ง่ายๆ

5. หน่อไม้ฝรั่ง เป็นเจ้าแห่งไฟเบอร์อีกอย่างหนึ่งที่นักโภชนาการแนะนำ แต่หน่อไม้ฝรั่งจะทำให้ปัสสาวะมีกลิ่นฉุนมาก โดยกลิ่นนั้นมาจากสารมีเทนไทออลล์ ที่เกิดขึ้นหลังจากกระเพาะย่อยหน่อไม้ฝรั่งแล้ว เรื่องนี้คนที่ชอบทานคงต้องทำใจหน่อยนะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : นิตยสาร Spicy

เห็ดหูหนูดำ ป้องกันหลอดเลือดอุดตัน

ถึงหน้าตาจะดำดีสีไม่ตกจนถูกสาวแซบเมินไม่อยากมอง แต่ในความดำของเห็ดพันธ์นี้ซ่อนความเป็นพระเอกที่จะมาช่วยให้เราไม่ต้องเป็นโรคหลอดเลือดอุดตันเอาไว้ด้วย เพราะนอกจากสารอาหารที่มีคุณค่าอื่นๆแล้ว เห็ดหูหนูดำยังมี "อะดีโนซีน" สารสำคัญที่ซึ่งช่วยลดความเข้มข้นของเลือดอยู่ด้วย อะดีโนซีนจะทำให้เลือดไม่จับตัวป็นลิ่มไปอุดตันเส้นเลือดหัวใจ เส้นเลือดสมอง หรือเส้นเลือดที่อวัยวะอื่นๆ ทำให้หมดห่วงว่าจะหัวใจวายหรือเส้นเลือดในสมองแตกไปได้เลย ส่วนสาวๆที่รู้ตัวว่ามีโคเลสเตอรอลสูง อย่าลืมหาเห็ดหูหนูดำมาเป็นเมนูประจำตัว และควรจะกินเห็ดหูหนูดำให้ได้อย่างน้อยวันละ 5-10 กรัม ถึงจะป้องกันหลอดเลือดอุดตันให้คุณได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : spicy

Friday, May 29, 2015

สูตรอาหารเสริมอายุวัฒนะ

คุณรู้ยัง !!!!อาหารเสริมอายุวัฒนะ ทำง่ายและถูก
ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอย่างไม่น่าเชื่อ
ดื่มน้ำนมถั่วเหลือง + ผสมน้ำมะนาว ...
สูตรอาหารเสริมอายุวัฒนะดังกล่าว
ผ่านการ เก็บข้อมูลและพิสูจน์จากผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มดังกล่าว
มาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี

สูตรส่วนผสมคือ..>>

น้ำนมถั่วเหลือง 1 แก้ว ผสมน้ำมะนาวสด 1 ผล คนให้เข้ากัน
จนได้เป็นลักษณะคล้ายโยเกิร์ตเหลว ดื่มเป็นประจำวันละ 1 แก้ว

สรรพคุณโดยรวม..... เป็นอาหารเสริมที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพของร่างกาย สมอง และ สายตา หากดื่มเป็นประจำทุกวัน มีสรรพคุณ
ที่โดดเด่นดังต่อไปนี้คือ

1. ช่วยให้ระบบเส้นเลือดฝอยทั่วร่างกายมี ความยืดหยุ่นดีไม่เปราะหรือแตกง่ายดังนั้น คนที่มีปัญหาเส้นเลือดฝอยเปราะ แตกง่าย และ
มีเลือดออกตามร่างกายเช่น เลือดออกที่ ใต้เยื่อบุตาขาว หรือในผู้หญิงที่มักจะเกิด รอยจ้ำเขียวช้ำเวลาถูกกระทบกระแทก หรือ ในผู้สูงอายุที่มักจะมีเลือดออกใต้ผิวหนัง ก็ ช่วยให้ดีขึ้น และยังเชื่อว่าสามารถป้องกันโรค เส้นเลือดในสมองตีบตันหรือแตกได้เช่นกัน (ป้องกันโรคอัมพฤกษ์อัมพาต)

2. ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำให้ สุขภาพแข็งแรง ต้านทานโรคติดเชื้อได้ดี ไม่เจ็บป่วยง่ายเช่น ในคนที่เป็นโรคเริมที่
ริมฝีปากหรือบริเวณอวัยวะเพศจะช่วยลดหรือหยุ ดการกำเริบซ้ำได้หรือในรายที่ภูมิคุ้มกันไม่ ค่อยดีเป็นไข้ ไอ เจ็บคอบ่อยๆ ก็จะช่วยให้อัต ราการป่วยลดลงได้เช่นกัน

3. ช่วยส่งเสริมระบบไหลเวียนเลือด ทำให้ อวัยวะต่างๆของร่างกายทำงานได้เต็มที่ สมอง แจ่มใส ไม่มึนงง ร่างกายสดชื่น ( ผู้สูงอายุที่มี อาการมึนงง เซื่องซึม และเดินเซ จะเห็นการ เปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นชัดเจน )สามารถทนต่อ การทำงานตรากตรำที่ต้องอดหลับอดนอน ได้ดีขึ้น เช่น นักเรียน นิสิตนักศึกษาที่ต้อง คร่ำเคร่งใช้สมองทบทวนตำราใกล้สอบหรือ ผู้ที่ต้องทำงานหรือขับรถทางไกลในเวลา ค่ำคืนเป็นประจำ

4. ช่วยให้เนื่อเยื่อต่างๆของร่างกายแข็งแรง สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดี บาดแผลทุกชนิดจะหายเร็วขึ้น และช่วยให้รากผมแข็งแรง บรรเทาปัญหาผมร่วงในหญิง วัยทองได้

5. เมื่อสุขภาพโดยรวมดีขึ้น ก็จะทำให้สมรรถภาพทางเพศดีตามไปด้วย

6. จากคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ของวิตามินซีในมะนาว และ สารไอโซฟลาโวนในถั่วเหลือง ทำให้เชื่อได้ว่า การดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้เป็นประจำ อาจจะ ป้องกันโรคมะเร็งได้อีกด้วย

หมายเหตุ...>>>

สูตรอาหารเสริมอายุวัฒนะดังกล่าว ผ่านการ เก็บข้อมูลและพิสูจน์จากผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มดัง กล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี

มีความประสงค์ที่จะเผยแพร่เป็นวิทยาทาน เพื่อสุขภาพที่ดีของมวลมนุษยชาติ ได้จดอนุสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทาง ปัญญาเอาไว้แล้ว หากผู้ใดนำสูตรดังกล่าว ไปทำประโยชน์ทางธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาติจะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย

นายแพทย์ สมเกียรติ อธิคมกุลชัย..>>11 ธค. 2552

** ล่าสุด ได้แนะนำให้ผู้ป่วยโรคเอดส์หญิงที่ มีสุขภาพย่ำแย่

หลังจากแนะนำให้ดื่มนมไวตามิลค์ผสมมะนาว ทุกวัน 4 เดือนต่อมา ผู้ป่วยกลับมาด้วยสภาพ ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงไม่แตกต่างจากคนทั่ วไป ผมหนาดกดำ ฝ้าที่หน้าจางหา ยหมดน้ำ หนักเพิ่มขึ้นกว่า 10 กิโลกรัม

ผิวหนังที่แขนขาเป็นปกติ ฝ้าขาวที่ลิ้นหาย หมด ทานอาหารเผ็ดได้ และไม่เจ็บไม่ไข้อีก เลยผู้ป่วยยืนยันว่าหลังจากดื่มเครื่องดื่ม ดังกล่าว สภาพร่างกายก็เริ่มฟื้นตัว ดีวันดี คืนจนขณะนี้น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากกว่าก่อนจะป่วย

จากการลองทำดื่มประจำตอนเช้ารู้สึกชอบรสเหมือนโยเกริต และรู้สึกกระปรี่กระเปร่ามีกำลังวังชาขึ้น
ผิวพรรณที่หย่อนคล้อยก็เด้งกระชับขึ้น เวิร์คค่ะ

ขอขอบคุณ...นพ.สมเกียรติ อธิคมกุลชัย
จักษุแพทย์ โรงพยาบาลเอกชัย จ.สมุทรสาคร

Sunday, May 17, 2015

พฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง

Don’t !!! เลิกเถอะ พฤติกรรมทำร้ายกระดูกสันหลัง

“ดูแลกระดูกสันหลัง ? ” ฟังแล้วอาจสงสัยว่าจะดูแลอย่างไรได้ …เคล็ดลับไม่ยาก แค่อาศัยความพยายามในการลด ละ หรือเปลี่ยนพฤติกรรมที่เคยชินที่ทำร้ายกระดูกสันหลังของเราอย่างไม่รู้ตัว

Don’t ไขว่ห้างห่วงสวย
ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ คุณสาวๆ อย่านั่งไข่วห้างเลยค่ะ ถึงนั่งแล้วจะได้สรีระรูปตัวเอส( s )ดึงดูดสายตาชวนให้เหลียวมอง แต่สังเกตซักนิดว่าเวลาเรานั่งไขว่ห้างนานๆ เท้าจะเริ่มชาจนต้องสลับข้าง เพราะเลือดเดินไม่สะดวก เวลานั่ง ตัวก็จะตะแคงบิดมาอีกด้านหนึ่ง ยิ่งถ้านั่งเป็นประจำน้ำหนักตัวก็จะทิ้งไปด้านเดียว กระดูกก็จะถูดบิดเป็นประจำทำให้หลังเสียโดยไม่รู้ตัว แนะนำให้นั่งวางเท้าชิดกันเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง แล้วหันไหล่ตรงก็เป็นท่านั่งที่ทำให้หุ่นดูสวยไม่แพ้กันเลยค่ะ

Don’t กอดอกวางอำนาจ
ถึงมีเรื่องที่ต้องขบคิด เครียด หรือมีเรื่องหนักอก แนะนำว่าอย่าเอามากอดไว้กับอกเลยค่ะ เพราะเวลาที่เรากอดอกนั้น สรีระช่วงบน อย่างสะบัก และหัวไหล่ต้องยืดยาว และค้อมไปด้านหน้า แถมคอก็ยังยืดออกเหมือนเต่า ทำให้ปวดหลังได้แบบไม่รู้ตัว อีกทั้งจะทำให้เลือดยังไปเลี้ยงสมองได้ไม่ดี เกิดอาการปวดหัวได้อีก กอดอก อีกท่วงที่เคยชินแต่อาจทำร้ายหลังแบบไม่รู้ตัวเลยค่ะ

Don’t ยืนพักขาสบายอารมรณ์
การยืนพักขาแม้จะจะเป็นท่าที่สบาย แต่ทราบไหมคะว่าการพักขาจะเป็นการทิ้งน้ำหนักให้เป็นภาระด้านกับร่างกายด้านหนึ่ง สะโพกก็จะเอียง กระดูกสันหลังก็โค้งตามไปด้วย ไม่ดีต่อสมดุลของร่างกายอย่างแน่นนอน การยืนที่ดีที่สุดก็เพียงแค่ทิ้งน้ำหนักลงที่ขาทั้ง 2 ข้างเท่าๆ กัน ง่ายๆ แค่นี้เองคะ

Don’t แม่มดหลังงอ
จำไว้ค่ะว่าหลังต้องตรง เหมือนตุ๊กตาหุ่นที่มีใครมาดึงเชือกด้านบนไว้ตลอด บางครั้งการนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ เราอาจเผลอก้มหน้าไปจนติดจอ หลังค่อม งอ โค้ง ไม่น่าดู ยิ่งนานวันเข้ากระดูกก็จะงอคดตามจนผิดรูป ทำให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง แก้ไขได้ยาก ทางที่ดีควรปรับระดับความสูงและความเอียงของจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม และเตือนตัวเองไว้เสมอๆ ให้นั่งหลังตรงตลอดเวลาค่ะ

Don’t นั่งเก้าอี้หมิ่นๆ
อาจจะเพราะกระโปรงสั้น เก้าอี้สูงนั่งไม่สบาย ทำให้สาวๆ บางคนต้องนั่งหมิ่นๆ แต่รู้ไหมคะว่ากล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนักขนาดไหนในการรับน้ำหนัก ลองนึกภาพก็จะเหมือนกับการวางของหนักๆ ไว้บนฐานที่แคบๆ เวลานั่งเก้าอี้จึงควรนั่งแบบเต็มก้นจะดีกว่านะคะ

Don’t นอนขดเป็นดักแด้
เวลานอนถือเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะพักผ่อนอย่างจริงจัง กล้ามเนื้อทุกส่วนต้องสบาย และการนอนแต่ละครั้ง ร่างกายจะอยู่ในท่าเดิมๆนั้นๆ นานหลายชั่วโมง การนอนขดตัวจะทำให้กระดูกงอโค้ง กล้ามเนื้อบางส่วนเกร็งไม่ได้พักผ่อน คนที่นอนอาจตื่นมาไม่สดชื่นนัก เพราะร่างกายไม่ได้ผ่อนคลายจริงๆ นั่นเองค่ะ ท่านอนที่ดีท่าหนึ่ง คือการนอนตะแคงขวา โดยมีหมอนข้างใบน้อยช่วยรับน้ำหนักของร่างกายบางส่วนค่ะ ท่านอนท่านี้นอกจากจะช่วยป้องกันอาการปวดหลังแล้ว ยังจะทำให้หัวใจทำงานได้สะดวกอีกด้วยค่ะ

Don’t ส้นสูง สวยภัยร้าย
ทราบกันดีอยู่แล้วนะคะ ว่ารองเท้าส้นสูง ถึงใส่แล้วจะดูขายาว หุ่นเพรียวสวย แต่ก็เป็นภัยร้ายแรง ทำให้กระดูกสันหลังช่วงล่างแอ่นมากกว่าปกติ อาการปวดหลังก็ตามมา แนะนำว่า ถ้าเลี่ยงได้ ลองมองหารองเท้าส้นเตี้ยที่ถูกออกแบบมาให้เข้ากับรูปเท้า และรองรับน้ำหนักจากการเดินได้ดีจะดีกว่าค่ะ

รู้จักพฤติกรรมที่เป็นภัยร้ายกับกระดูกสันหลังกันคร่าวๆ แล้ว เพิ่มเคล็ดลับให้อีกนิดว่าถ้าอยากรู้จักร่างกายของตนเองให้ดี ลองใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น แล้วยืนหน้ากระจก สำรวจร่างกาย และสรีระของตนเองในท่วงท่าต่างๆ ที่เราเคยชิน เพื่อทำความรู้จัก เข้าใจร่างกายของเราเองให้มากขึ้นอีกซักนิดค่ะ

Tips กระดูกในร่างกายเรามีทั้งหมด 206 ชิ้น ที่เป็นโครงสร้างของร่างกาย และทำหน้าที่ปกป้องอวัยวะภายในต่างๆ ไขกระดูกบางชนิดจะช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงและเซลล์เม็ดเลือดขาว และเส้นเอ็นจะเป็นตัวเชื่อมโยงเนื้อเยื่อต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ทุกส่วนล้วนทำงานอย่างสัมพันธ์กัน เมื่อส่วนหนึ่งส่วนใดบกพร่อง ย่อมกระทบส่วนอื่นๆ ด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

http://lifecenterthailand.wordpress.com/

Tuesday, May 5, 2015

พืช ผัก ผลไม้ เมนูพิชิตมะเร็ง

พืช ผัก ผลไม้ ที่เราไม่ค่อยชอบกินกัน ความจริงพืชธรรมชาติเหล่านี้ โรคมะเร็งไม่อยากถามหาเลยและยังกลัวสิ่งเหล่านี้ด้วยซ้ำ ดังนั้น หากคนเรากินพืช ผัก ผลไม้ อย่างถูกต้อง และสม่ำเสมอ ร่างกายจะมีเกราะป้องกันมะเร็งได้อย่างดี ในผัก ผลไม้ มีอะไรดีที่พิชิตมะเร็งได้
เส้นใยอาหาร โดยทั่วไป หมายถึงสารจากพืชที่ไม่ย่อยสลายด้วยเอนไซม์ในทางเดินอาหารของคน การกินอาหารที่มีเส้นใยสูงมีความสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ และอาจลดความเสี่ยงของมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งเต้านม ช่องปาก กระเพาะอาหาร และทวารหนัก เป็นต้น

สารเม็ดสีในพืช มีคุณสมบัติต้านมะเร็งหลายชนิด เช่น ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
• คลอโรฟิลล์ : สารสีเขียว พบในพืชใบเขียวทั่วไป เช่น คะน้า ผักโขม ตำลึง และสาหร่าย เป็นต้น
• สารคาโรทีนอยด์ : สารสีส้ม-เหลือง และแดง-ส้ม มีหลายชนิด เช่น เบต้าแคโรทีน ลูทีน ไลโคปิน เป็นต้น พบในแครอท ฟักทอง มะเขือเทศ และผักใบเขียวอื่นๆ
• สารแอนโทไชยานิติน : สารสีน้ำเงิน ม่วง แดง พบในหัวบีทเบอร์รี่ เชอร์รี่ องุ่นม่วงและแดง กะหล่ำม่วง เป็นต้น

ผักตระกูลกะหล่ำ มีหลากชนิด เช่น บรอคโคลี กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ หัวผักกาด มีสาระสำคัญหลายชนิด เช่น suiforaphane และสาร isothiocyanate ซึ่งช่วยขับพิษสารเคมี สาร indole สามารถจับสารก่อมะเร็ง ขับสารเคมีและรักษาสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจน สาร giucosinolate ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันและยับยั้งการเจริญของเนื้องอก เป็นต้น

ส้ม – มะนาว นอกจากมีวิตามินซีแล้ว ยังประกอบไปด้วยสารอื่นๆ อีก เช่น สาร flavonoids ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง สาร limonoids ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการขับพิษ ยับยั้งการเจริญของเนื้องอก สาร limonenes มีคุณสมบัติกระตุ้นการขับพิษ สาร carotenoids มีคุณสมบัติยับยั้งอนุมูลอิสระ สาร terpenes ลดการสร้างคลอเรสเตอรอล และส่งเสริมเอนไซม์ที่ยับยั้งสารก่อมะเร็ง

หอม – กระเทียม มีสารป้องกันมะเร็งหลายชนิด เช่น สาร diallyt disulfide และ diallyt trisulfide พบในน้ำมันกระเทียม สาร S-allyicystein พบในกระเทียมทุบ สารเหล่านี้มีกลไกการทำงานหลายอย่าง เช่น กระตุ้นการขับพิษ ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง เพิ่มภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

เห็ดและสาหรายทะเล สาร tentinan ในเห็ดหอมและเห็ดหลินจือ และสาร polysaccharide ในเห็ด Mitake สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และสามารถยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งในสัตว์ทดลอง
ในสาหร่ายทะเลมีสาร mucin ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายเส้นใยอาหาร จะดูดซับน้ำและสารพิษ นอกจากนี้ยังพบสาร mucopolysaccharide ที่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อีกด้วย

เครื่องเทศ พบสารต้านมะเร็ง เช่น พริกไทย ขิง ขมิ้น rosemary และอื่นๆ สารเหล่านี้มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และต้านอนุมูลอิสระ

ผัก - ผลไม้อื่นๆ
• สับปะรด : มีสาร bromelain ต้านมะเร็งในสัตว์ทดลอง ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งและลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
• ทับทิม แอปเปิล องุ่น และสตรอเบอร์รี่ : มีสาร Ellagic acid ที่สามารถจับและทำลายพิษของสารก่อมะเร็ง
• แอสปารากัส อะโวกาโด บรอคโคลี แตงโม : มีสาร glutathione เป็นสารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และขับพิษสารเคมี
• ผักชีฝรั่ง : มีสาร polyacetylenes สามารถยับยั้งการสร้างสารส่งเสริมมะเร็งได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือ - แม่ไม่รู้หนูเป็นมะเร็ง