Saturday, October 25, 2014

รวมคลิปหายโรคโดยไม่ต้องใช้ยา

" หมอต้น " น.พ.  นิพันธ์พงศ์ พานิช ( จบทางด้าน ความงาม จากสหรัฐ ) ปัจจุบัน เป็นแพทย์ทางเลือก " แผนไทยประยุกต์ " ด้วยสมุนไพรไทย

หายจาก โรคภัย ไข้เจ็บต่างๆ ทั้งหมด... โดยไม่ต้อง ใช้ยา... โดย ไม่ต้อง ผ่าตัดเลย...
ด้วยการปฎิวัติ การใช้ชีวิต และ อาหารการกิน... โภชนาบำบัด และ ธรรมชาติบำบัด...
หายจากทุกๆ โรคได้ และมีสุขภาพที่แข็งแรง...

1)  " ปัญหา โรคไต ในคนไทย "  


2)  " ดูแลไต ไม่ให้ป่วย "  
 

3)  " โรคไต คนไทย ต้องหาย " 
 

4)  " เบาหวาน หายได้ ง่าย นิดเดียว "  
 

5)  " โรคเบาหวาน หายขาดได้ "  
     

6)  " ตอน 3 โรคเรื้อรัง ของ คนเมือง "  
 

7)  " ทำอย่างไร ให้คนไทย หายจาก โรคเรื้อรัง "  
 

8)  "ติดตามผล คนไทย สู้ภัย เบาหวาน"
 

9)  " หมอต้น กับ ทอล์คโชว์ สุขภาพ "  
 

10)  " หมอต้น ตอบคำถาม "  


11)  " เตือนภัย ไขมัน ตกค้าง ในร่างกาย "  


12)  " โครงการ ตำรับ สมุนไพรไทย แก้ปัญหา โรคหัวใจ และ ความดัน "  
 

13)  " ปรับความดัน ปรับชีวิต "  
 
 
14)  " ติดตามผล คนไทย หายป่วย จากโรค หัวใจ และ หลอดเลือด "  
 

15)  " อะไร ? ทำให้ คนไทย ป่วยด้วยโรค มะเร็ง "  
 
   
16)  " เหตุใด คนไทย ป่วยด้วย โรคมะเร็ง "  
 

17)  " สมุนไพร รักษาโรค ไทรอยด์ "  
 

18)  " เข่าเสื่อม โรคทรมาน ของผู้สูงอายุ "  
 
 
19)  " โรคข้อเข่า อักเสบเสื่อม ในผู้สูงอายุ "  


20)  " การจัด กระดูก "  
 
     
21)  " การจัด โครงสร้าง กระดูก ด้วยวิธีการ ทางแพทย์ แผนไทย "  
 

22)  " ล้างใจ ก่อนคิด ไปล้างพิษ "  
 
   
23)  " สมุนไพรไทย สู้ภัย ภูมิแพ้ "  

     
24)  " อากาศ บริสุทธิ์ ยา อายุวัฒน ขนานเอก "  

 
25)  " โอโซน จากทะเล "  

 
26)  " น้ำดื่ม..ดื่มน้ำ "  

 
27)  " แคลเซียม จำเป็น ต้องเสริม หรือไม่ ?"  


′สังคมก้มหน้า′ อันตรายและโรคที่ควรรู้


โรค′เท็กซ์เนค′ อาการของ′สังคมก้มหน้า′

อันที่จริงเรื่อง "เท็กซ์เนค" ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่พูดถึงกันมา 2-3 ปีแล้ว ที่ผมหยิบกลับมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งเป็นเพราะว่าตอนนี้มันกำลังกลายเป็น "โกลบอล ซินโดรม" คือออกอาการกันแพร่หลายไปทั่วโลก ตามการแพร่ระบาดของอุปกรณ์พกพาสารพัดตั้งแต่ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เรื่อยไปจนถึงอีบุ๊กรีดเดอร์ทั้งหลาย

 ก่อนหน้านี้อุปกรณ์เหล่านี้ถูกจำกัดการใช้งานด้วยการเชื่อมต่อแต่ตอนนี้เมื่อสามารถเชื่อมต่อได้ทุกที่ทุกเวลาเนื้อหาที่มากับหน้าจอก็หลากหลายมากขึ้น ดึงดูดใจมากขึ้น ทั้งไลน์ ทั้งเกม ทั้งอีบุ๊กสารพัด สัดส่วนการใช้งานต่อวันก็เพิ่มขึ้นมากมายมหาศาล ไปไหนมาไหนก็เจอแต่ผู้คนก้มหน้าลงหาจออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นบนรถไฟฟ้า รถประจำทาง ร้านอาหาร

 หนักๆ เข้าเดินไปไหนมาไหน ยังไปในลักษณะ "ก้มหน้า" จนผู้ใหญ่ท่านหนึ่งค่อนแคะให้เข้าหูว่าสังคมยุคนี้กลายเป็น "สังคมก้มหน้า" ไปแล้ว

"เท็กซ์เนค" เป็นคำที่ นายแพทย์ดีน ฟิชแมน แพทย์กายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญด้านบำบัดอาการของกระดูกสันหลังชาวอเมริกัน คิดขึ้นเพื่อใช้เรียกกลุ่มอาการของโรคที่เกิดขึ้นจากการ "ก้มหน้า" บ่อยๆ ซ้ำๆ และนานเกินปกตินี้ อาการที่เกิดขึ้นมีตั้งแต่ การปวดกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ กล้ามเนื้อคอ ปวดศีรษะเรื้อรัง ปวดทุกวัน หนักเข้าก็อาจพาลไปถึงเกิดการอักเสบของข้อต่อกระดูกสันหลังส่วนบน ซึ่งถือว่าสาหัสเลยทีเดียวครับ

 ที่น่ากังวลก็คือ การก้มหน้าในลักษณะนี้บ่อยๆ นานๆ จะส่งผลต่อบุคลิกท่าทาง และการเติบโตของร่างกายในเด็กและวัยรุ่นให้ออกมาบิดเบี้ยวโค้งงอจนต้องมาหาทางแก้กันยุ่งยากในภายหลัง

 ที่มาของโรคนี้คือการก้มนั่นแหละครับในทางการแพทย์เขาบอกว่าเพียงแค่การก้มศีรษะลงไปข้างหน้า ผิดจากท่าปกติตามธรรมชาติ (คือเมื่อหูของเราอยู่ในแนวเดียวกับไหล่) เพียงแค่นิ้วเดียว น้ำหนัก

 ของศีรษะก็จะทำให้ กล้ามเนื้อ เอ็น กระดูกและเส้นประสาทในบริเวณไหล่ คอ ต้องแบกรับภาระหนักเพิ่มขึ้นมากแล้ว น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นด้วยการถ่วงไปข้างหน้าจะไปดึงรั้งกล้ามเนื้อเส้นเอ็นทั้งหมดให้ต้องแบกรับภาระมากขึ้นตามไปด้วยอาการตึงจะเกิดขึ้นตามมาถ้าทำซ้ำๆ หลายๆ ครั้งก็จะเกิดการบาดเจ็บขึ้นได้ทั้งกับกล้ามเนื้อ เอ็น และเส้นประสาทในบริเวณดังกล่าว

 ดร.ฟิชแมนเคยแสดงให้เห็นฟิล์มเอกซเรย์ของวัยรุ่นอเมริกันที่แสดงชัดเจนว่ากระดูกสองสามชิ้นบริเวณข้อต่อกระดูกสันหลังส่วนบนโค้งงอไปด้านหน้าแบบผิดธรรมชาติเพราะเหตุนี้มาแล้ว

 ข้อมูลที่ได้จากผลการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งเมื่อปี2000ระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้วศีรษะของคนเราจะหนักประมาณ 5 กิโลกรัม การก้มไปข้างหน้าทุกๆ 2 เซนติเมตร จะทำให้ไหล่ต้องแบกรับน้ำหนักมากขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ถ้าก้มลงไป 6 เซนติเมตร น้ำหนักของศีรษะที่ไหล่ คอ และกระดูกสันหลังที่ต้องรองรับนั้นจะเพิ่มมากขึ้นเป็น 20 กิโลกรัม

 น้ำหนักขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมการก้มนานๆ ซ้ำๆ อยู่ทั้งวันถึงก่อให้เกิดอาการได้มากขนาดนั้น

 คำแนะนำของแพทย์เพื่อการป้องกันไม่ให้เราตกเป็นเหยื่อของเท็กซ์เนคอย่างง่ายๆก็คือ ละสายตาจากจอ เปลี่ยนท่าจากการก้มหน้า ปล่อยให้ศีรษะกลับคืนสู่ท่าธรรมชาติในทุกๆ 15 นาที เงยหน้าขึ้น เหลียวไปรอบๆ ถ้ายังจำเป็นต้องจ้องจออยู่ก็ยกมันให้ขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา เพื่อลดการแบกรับน้ำหนักของคอลงเป็นระยะๆ

 ถ้าเป็นไปได้ก็ควรออกกำลังกาย ในแบบที่จะช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและไหล่ได้ผ่อนคลาย จะเป็นโยคะก็ได้ หรือจะเป็นกายบริหารแบบพิลาทีสที่มุ่งเน้นไปที่การทำให้ร่างกายของเราอยู่ในท่าทางที่ถูกต้องก็ได้ ทำให้ได้ทุกวันจะป้องกันปัญหานี้ได้

 ใครที่ใช้มาตรการประดานี้แล้วยังไม่ได้ผล แสดงว่า เท็กซ์เนคของคุณค่อนข้างไปทางรุนแรงแล้ว ควรไปพบแพทย์ อย่างน้อยๆ ก็อาจต้องใช้ยาจำพวกคลายกล้ามเนื้อช่วย แต่ถ้าอาการเกิดไปกระทบทำให้กลุ่มประสาทในบริเวณดังกล่าวถูกบีบ กดอยู่นานๆ จนเกิดอาการปวดประสาท ก็จัดอยู่ในขั้นต้องให้แพทย์ที่เชี่ยวชาญดูแลเป็นการเฉพาะจะดีที่สุด

 แล้วก็ต้องลดการตกไปเป็นส่วนหนึ่งของ"สังคมก้มหน้า"ลงให้เหลือน้อยที่สุดแล้วละครับ

ที่มา:  http://www.matichon.co.th/